In News
สองนายทุนเหมืองอุดรจับมือบุกดงมะไฟ ควานหาตัวแกนนำต้านเหมือง

หนองบัวลำภู-เป็นเวลากว่า 1 ปี 3 เดือน 23 วัน ที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ได้ทำการปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณถนนทางเข้า-ออกเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) และโรงโม่หิน ของบริษัทเอกชน พร้อม 3 ข้อเรียกร้อง คือ (1) ปิดเหมืองหินและโรงโม่ (2) ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ (3) พัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี
การปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณถนนทางเข้า-ออกเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) และโรงโม่หิน ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2563 มาจนถึงปัจจุบันของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได นับเป็นชัยชนะตามข้อเรียกร้องที่ 1 ในการปิดเหมืองหินและโรงโม่ได้สำเร็จ และก้าวเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภูผาป่าไม้ตามข้อเรียกร้องที่ 2 เพื่อวางรากฐานไปสู่การพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดีในอนาคตตามข้อเรียกร้องที่ 3
ซึ่งปัจจุบันขณะที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได กำลังปักหลักชุมนุมเรียกร้องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้นั้น ขณะที่ในพื้นที่กำลังมีอยู่ในช่วงเลือกตั้งท้องถิ่น ก็ได้เกิดสัญญาณความรุนแรงระลอกใหม่ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 11.00 น. ลูกจ้างเหมืองหินและโรงโม่บริษัทเอกชนในพื้นที่ได้ขับรถจักรยานยนต์คู่ใจเข้าไปหาชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่บ้านเพื่อถามหาแกนนำค้านเหมือง เนื่องจากเจ้าของเหมืองต้องการมาเจรจาต่อรองทำเหมืองต่อโดยจะแบ่งผลประโยชน์ให้ชาวบ้านครึ่งต่อครึ่งจากรายได้จากการทำเหมือง และฝากให้กระจายข่าวสารให้ด้วยว่าชาวบ้านจะเจรจาหรือไม่
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ลูกจ้างเหมืองหินและโรงโม่คนเดิมได้พาชายต่างถิ่น 2 คน ซึ่งขับรถยนต์ CHEVROLET CAPTIVA สีขาว ทะเบียน กน 7XXX อุดรธานี เข้ามาซื้อของร้านค้าในหมู่บ้านโชคชัย และได้แนะนำตัวเองว่าเป็นคนงานเหมืองแร่แห่งหนึ่งที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี แล้วถ้าจะคุยเรื่องโรงโม่หินต้องคุยกับใคร ซึ่งเจ้าของร้านก็ได้ตอบกลับไปว่าไม่รู้
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 เวลา 09.41 น. ขณะที่ชาวบ้านกำลังปักหลักชุมนุมได้มีรถยนต์ ZUZUKI CELERIO สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับมาจอดบริเวณด้านหน้าสถานที่ชุมชน โดยมีชาย 5 คน ได้เดินลงมาจากรถยนต์คันดังกล่าวและชาย 1 ใน 5 คน ได้เดินเข้ามาพูดคุยกับชาวบ้านที่นั่งอยู่ในบริเวณศาลานั่งเล่นด้านหน้า ด้วยการแนะนำตัวว่าตนเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลดงมะไฟอยากจะขอขึ้นไปดูเหมืองได้หรือไม่ อยากจะเห็นสักครั้งก็ยังดี ซึ่งชาวบ้านก็ตอบกลับไปว่าคงไม่ได้ขึ้นไป เพราะไม่มีใครพาขึ้นไป และทั้ง 5 คนก็ขับรถออกไป
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ขณะที่ชาวบ้านกำลังปักหลักชุมนุมได้มีรถยนต์ ISUZU D-MAX 4 ประตู สีบอร์นเงิน ทะเบียน ญร 7XX ขอนแก่น ขับเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าสถานที่ชุมนุม ซึ่งมีชาย 2 คน ได้เปิดประตูลงจากรถและมีชายอีก 4 คนที่นั่งอยู่ด้านหลังกระบะ โดยชาย 1 ใน 2 คนได้เดินเข้ามาหาชาวบ้านที่นั่งอยู่ในศาลานั่งเล่นด้านหน้า พร้อมพูดว่ามาเที่ยวอยากขึ้นไปดูเหมือง ซึ่งมีคนจากกรุงเทพฯ อยากดูด้วย เมื่อวานได้มาบอกไว้แล้ว ชาวบ้านจึงตอบกับไปว่าถ้าจะขึ้นก็ให้ไปอีกเส้นทาง หลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้ขับรถออกไป
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ช่วงสายชายอดีต ผญบ.แห่งหนึ่งในตำบลดงมะไฟขับรถยนต์ ZUZUKI CELERIO สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนคันเดิมได้ขับไปหาชาวบ้านถึงบ้าน โดยบอกว่า “มีคนจะมาสนับสนุนการฟื้นฟูด้วยการสร้างพญานาคตรงทางเข้า แต่จะให้ชาวบ้านเช็นต์ให้หน่อย 2-3 คน ให้ชวนเพื่อนในกลุ่ม 2-3 คน ไปหาชายคนหนึ่งที่เป็นอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ ซึ่งมีค่ากับข้าวให้ด้วย” ซึ่งชาวบ้านก็บอกไปว่า “ถ้าจะคุยเรื่องเกี่ยวกับเหมืองให้ไปคุยที่สถานที่ชุมนุม” และในช่วงเย็นของวันเดียวกันชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ โทรศัพท์หาชาวบ้านและกล่าวว่า “ได้ยินข่าวว่าชาวบ้านกำลังจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีคนจะมาเสนอโครงการแต่เป็นแบบปั้นรูปพญานาคเพื่อเป็นสัญลักษณ์ส่วนรายละเอียดคุยกันในวันพรุ่งนี้”
และเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. ชายอดีต ผญบ.แห่งหนึ่งในตำบลดงมะไฟ ชายอดีตสอบต.ดงมะไฟ และพวกอีก 2 คน ได้ขับรถยนต์ ZUZUKI CELERIO สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาที่บริเวณด้านหน้าสถานที่ชุมนุม โดยหลังจากที่ลงจากรถได้เดินไปหาชาวบ้านนั่งอยู่บริเวณร้านค้าผาฮวกพัฒนา ซึ่งชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ ได้พูดว่า “นัดคุยกับชาวบ้านเรื่องฟื้นฟู” ในเวลาต่อมารถยนต์ CHEVROLET CAPTIVA สีขาว ทะเบียน กน 7XXX อุดรธานี (คันเดิมที่เคยขับไปหาแม่ค้าในหมู่บ้าน) ได้ขับมาชะลอและขับเข้ามาจะจอดที่บริเวณด้านหน้าสถานที่ชุมนุม เมื่อชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ เห็นรถคันดังกล่าวก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยมาแล้ว” ซึ่งเมื่อรถจอดสนิทชาย 4 คน ได้เดินลงมาจากรถคันดังกล่าว ซึ่ง 1 ในนั้นมีชายอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงมะไฟด้วย
ซึ่งในเวลาต่อมาชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ ได้เดินมาหาชาวบ้านที่นั่งรวมตัวกันอยู่ที่ศาลานั่งเล่นพร้อมกับถือกระดาษ A4 จำนวน 1 แผ่น ที่เขียนหัวกระดาษว่า โครงการ 5 ดาวร่วมกับชุมชนสร้างแหล่งท่องเที่ยว (โครงการ2) และตรงหัวกระดาษได้มีนามบัตรบริษัทแห่งหนึ่งติดอยู่ด้วยมายื่นให้ชาวบ้านพร้อมพูดว่า “นี้คือโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวพวกเราจะสนใจไหม เขาจะมาช่วย จะมาอนุรักษ์สร้างพญานาค เป็นโครงการของโรงโม่แห่งหนึ่งใน อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี” ซึ่งชาวบ้านก็ได้ตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นเฒ่าแก่เกี่ยวกับโรงโม่หินชาวบ้านไม่เอา ชาวบ้านพัฒนาเองได้” “ชาวบ้านไม่มีสิทธิที่จะอนุญาตให้ทำ ชาวบ้านมีหน้าที่คัดค้านเหมืองหินและโรงโม่หิน ถ้าอยากทำต้องไปติดต่อสำนักงานป่าไม้จังหวัดซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่และอุตสาหกรรมจังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลอนุมัติ/อนุญาตให้ทำเหมืองหินและโรงโม่” ชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ จึงได้บอกว่า “ก็มาถามชาวบ้านดูก่อนว่าจะยังไง ถ้าไม่เอาก็จะได้ไปบอกเขา” และเดินกลับไปหาพวกแล้วขับรถออกไป
จากการไล่เลียงลำดับเหตุการณ์ที่กล่าวมาในข้างต้นจะเห็นได้ว่าชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ที่กำลังปักหลักชุมนุมพร้อม 3 ข้อเรียกร้อง กำลังเผชิญกับสภาวะความเสี่ยงที่อาจนำไปความรุนแรงระลอกใหม่ ด้วยลักษณะ รูปแบบ กระบวนการ และวิธีการควานหาตัวแกนนำเพื่อเสนอผลประโยชน์ จนนำมาสู่การต่อรองหวังเข้าไปอยู่ในพื้นที่และทำการเปิดเหมืองหินและโรงโม่อีกครั้ง โดยช่วงแรกบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่งที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ได้พยายามเข้ามาควานหาตัวแกนนำค้านเหมือง เพื่อเจรจาเสนอผลประโยชน์ให้ชาวบ้านยุติการชุมนุมเปิดทางให้เข้าไปทำเหมืองและขนย้ายกองหินที่อยู่ในบริเวณเขตแต่งแร่โดยมีลูกจ้างของบริษัทเอกชนในพื้นที่เป็นคนนำพา แต่กระบวนการดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จจึงต้องปรับเปลี่ยนโดยให้บุคคลที่มีอิทธิพลและบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการทำเหมืองหินและโรงโม่หินในพื้นที่ทำการควานหาตัวแกนนำอีกครั้งและเป็นนายหน้าเข้ามาเจรจาและยื่นข้อเสนอจะสร้างสิ่งปลูกสร้างบนเขตประทานบัตรโดยบริษัทแห่งหนึ่ง พร้อมอ้างว่าเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ชาวบ้าน
โดยบุคคลที่มีอิทธิพลและบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการทำเหมืองหินและโรงโม่หินในพื้นที่ ได้แก่
1.ชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ รุ่น 2 เคยวิ่งเต้นและสนับสนุนผลักดันให้เกิดการทำเหมืองหินและโรงโม่ในพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นนายหน้าของนายทุนพูดคุยเจรจากับชาวบ้าน อาชีพหลัก ๆ คือรับเหมาโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ทำถนน ฝายน้ำล้น เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะรับซื้อหินจากโรงโม่หินในพื้นที่ไปทำการก่อสร้างตามโครงการต่าง ๆ ที่ตนรับเหมา
2. ชายอดีต ผญบ.แห่งหนึ่งในตำบลดงมะไฟ เคยโดนชาวบ้านร้องเรียนพฤติกรรมจนต้องออกจากตำแหน่ง เคยวิ่งเต้นและสนับสนุนผลักดันให้เกิดการทำเหมืองหินและโรงโม่หินในพื้นที่ และทำหน้าที่เป็นนายหน้าของนายทุนพูดคุยเจรจากับชาวบ้าน
3.ชายอดีตรองนายก อบต.ดงมะไฟ ซึ่งเป็นสมัยเดียวกันกับชายอดีต ส.อบต.ดงมะไฟ โดยชายอดีตรองนายก อบต.ดงมะไฟ ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ เพียงแค่ 1 สมัยเท่านั้น เนื่องภายหลังไม่ค่อยเชื่อฟัง/ไม่ลงรอยกับนายนายก ทั้งนี้ยังเคยวิ่งเต้นและสนับสนุนผลักดันให้เกิดการทำเหมืองหินและโรงโม่หินในพื้นที่ และทำหน้าที่เป็นนายหน้าของนายทุนพูดคุยเจรจากับชาวบ้าน
นอกจากนี้บุคคลที่กล่าวมาในข้างต้นยังสนิทสนมกับบุคคลผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับคดีลอบยิงสังหาร 2 ใน 4 ศพที่ถูกลอบยิงสังหารจากสาเหตุของการออกคัดค้านการทำเหมืองหินและโรงโม่หินพื้นที่และปัจจุบันยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนกฎหมายได้
โดยข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเอกชนในพื้นที่กำลังร่วมมือกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี เพื่อต้องการที่จะทำเหมืองหินและโรงโม่อีกครั้ง รวมถึงกองหินขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตแต่งแร่ที่ทำการแต่งแร่เอาไว้แล้วซึ่งเป็นกองหินมีข้อพิพาทที่ยังไม่อาจสรุปได้ว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยไม่สนใจทำตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายด้วยการติดต่อหน่วยงานที่รับผิดอย่างสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เลยแม้แต่น้อย และทำการคุกคามชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ด้วยการควานหาตัวแกนนำ เจรจา และยื่นข้อเสนอต่าง ๆ เพื่อยุติการชุมนุมของชาวบ้าน
อย่างไรก็ตามแม้จะเกิดปรากฏการณ์สัญญาณความรุนแรงระลอกใหม่ในพื้นที่แต่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ก็ยังคงยืนหยัดปักหลักชุมนุมตาม 3 ข้อเรียกร้อง เพื่อยุติการทำเหมืองหินและโรงโม่หินอย่างถาวร และเดินหน้าฟื้นฟูภูผาป่าไม้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม เพื่อนำไปการพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและแหล่งโบราณคดีในอนาคตให้จงได้