In News

 แก๊งคอลเซนเตอร์แสบหลอกครูพิการ ล่าสุดกองปราบติดต่อขอข้อมูล



ปราจีนบุรี-วันนี้ ( 21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนโสตศึกษา ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี  ติดตามความคืบหน้า  จากกรณี  ผู้ช่วยครูล่ามแปลภาษามือคนหูหนวก    ขึ้นโรงพักร้องทุกข์  แจ้งความหลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ โทร.หลอกให้ ฝากเงินเข้าธนาคาร เงินตอบแทนสูง จนสูญเงินที่ฝัน ไว้ซื้อรถไปทำงาน ที่อุตส่าห์เก็บกับสามีที่พิการหูหนวกเช่นกัน

ความคืบหน้าหลังจาก  ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี หลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์โทรศัพท์มาหลอกให้โอนเงิน ทำเงินเก็บหมดไปกว่า 2 หมื่นบาท  โดยผู้เสียหายเผยว่า กลุ่มคนร้ายได้โทร.มาหาขอเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊ก ก่อนจะแชทชวนลงทุน โดยให้ฝากเงินในธนาคารผ่านทางไลน์และ  จะได้ผลตอบแทนเกือบเท่าตัว    ทางเหยื่อหลงเชื่อ จึงโอนเงินเข้าธนาคารไปเป็นหลักหมื่น  และเมื่อยังไม่ได้ผลตอบแทน  จึงได้ทวงถาม และให้เพื่อนครูที่เป็นคนปกติพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ และดูไลน์ที่แชทพูดคุยผ่าน และใช้ในการโอนเงิน  จนรู้ว่าถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวง และมาร้องทุกข์แจ้งความ

เบื้องต้นตำรวจได้รับแจ้งความและเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อตามล่ากลุ่มคนร้ายชุดนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้เสียหายนั้นเพิ่งจะแท้งลูก มีเงินเก็บร่วมกับสามี   ที่พิการทางหูเช่นกัน เพื่อซื้อรถยนต์ไว้เดินทางไปทำงาน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด   น.ส.กัญญา หรือ  ครูกระต่าย  ผู้เสียหาย   กล่าวว่า   เหตุการณ์เริ่มต้น รู้จักกันกับแก๊งค์คอลเซนเตอร์ทางเฟสบุ๊คเมื่อประมาณวันที่ 26 พ.ย.64 โดยคอลเซนเตอร์ทักมาทางเฟสบุ๊ค ขอเลขบัญชี บัตรประชาชน เลขโทรศัพท์มาทางคอลเซนเตอร์ ตนเองจึงให้เอกสารไปพร้อมสมัครสมาชิก จำนวน 320 บาท  เมื่อเราโอนเงินพร้อมหลักฐานครั้งแรก 1,500 บาท ยอดเงินจะได้รับโอนกลับ  จำนวน6,000 บาท  หลังเราบอกว่าเป็นผู้พิการ ได้โอนเงินไปรวม 4 ครั้ง  จำนวน 16,000 บาท (ตรวจสอบในยอดโอนแล้ว 22,000 บาท)

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) ทางคอลเซนเตอร์ ได้โทรมาเพื่อทวงเงินจากครูกระต่าย อีก 9,000 บาท เพื่อที่จะให้ผลตอบแทนที่ทางครูกระต่ายจะได้กลับจำนวน 30,000 บาท  ครูกระต่ายซึ่งเป็นใบ้ หูหนวกจึงขอให้ครูอรจิรามาพูดคุยโทรศัพท์ให้   จนครูอรจิราเอะใจ  ทราบว่าถูกแก๊งค์คอลเซนเตอร์หลอกลวงแล้ว ได้มาปรึกษาฝ่ายบริหารสถานศึกษา และมาร้องทุกข์ลงบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี  และฝากเตือนระวังภัย กับ ทางคนพิการ หรือ คนทั่วไปไม่ให้ไว้ใจกลุ่มคนดังกล่าว

 และกว่าต่อไปว่า   หลังเกิดเหตุ  ครอบครัวครูกระต่าย  ทางสามีครูกระต่ายซึ่งพิการทางหู-เป็นใบ้เช่นกัน ได้ต่อว่าภรรยา ทำไมเชื่อใจคนง่ายจัง  แต่เข้าใจ ถือครั้งนี้เป็นความผิดพลาด ต่อไปไม่ให้โอนเงินไปให้คนอื่นอีก  แต่ในความคาดหวังที่จะได้เงินคืนนั้นมีน้อย

ขณะที่ น.ส.อรจิรา  หรือ ครูอร มหารัตน์  อายุ 29 ปี ตำแหน่งครู กล่าวว่า   “เหตุการณ์เกิดประมาณ ช่วงเวลาประมาณบ่าย2โมงครึ่งวานนี้ (20ธ.ค.)หลัง  ครูกระต่ายมาบอกให้โทร.รับสาย  คุยผู้ชายในไลน์ ตนเป็นคนคนรับโทรศัพท์  จึงบอกผู้ชายดังกล่าวที่เรียกชื่อตนเองเรียกว่า “เฮีย”  สอบถามไปว่า  ครูกระต่ายขอให้โอนเงินที่จะได้ตอบแทน จำนวน30,000 บาท  ได้โอนให้กับครูกระต่ายหรือยัง 

ฝ่ายชายที่โทรมา ที่ใช้ชื่อว่า “เฮีย”  บอกมาว่าให้โอนเงิน9,000บาทไปให้ก่อน  ตามที่ตกลงทำธุรกิจกัน จึงจะโอนเงินกลับ  ทำธุรกิจ – ตกลงกันแบบไหนนั้นให้ดูตามไลท์ที่แชทกัน  

เมื่อครูกระต่ายเอาแชทไลน์มาให้ดูจึงเฉลียวใจว่าครูกระต่ายถูกแก๊งค์คอลเซนเตอร์หลอกลวงแล้ว  อีกทั้งสำเนียงการพูดของ “เฮีย” คล้ายต่างด้าวสำเนียงไม่น่าใช่คนไทย  ตามที่เห็นผ่านทางข่าวผ่านสื่อมวลชนก่อนว่างโทรศัพท์ไป  

หลังคุยโทรศัพท์เสร็จรอบแรก  ต่อมาเฮียได้โทรกลับอีกรอบ   ตนเองจึงแจ้งบอกไปว่า   ทางครูกระต่ายอยากได้เงินคืน  ฝ่ายที่ใช้ชื่อเฮียได้บอกย้ำกลับมาว่า  ให้ทางกระต่ายโอนเงิน9,000บาทมาให้ก่อน   ทางตนเองจึงบอกไปว่า  ไม่กลัวบาปหรือ ที่หลอกลวงกับคนใบ้-หูหนวกพิการ  ทางเฮียแจ้งว่า  ให้ครูกระต่ายโอนเงินมาก่อนก็จบธุรกิจ  

พร้อมกันนี้เขาได้ขึ้นเสียงบอกเราอยากมีเรื่องกับ เรื่องนี้ด้วยใช่มั๊ย?  และมีอารมณ์เสียงดัง    ตนเองจึงถามกลับไปว่า  ทำไมหลอกลวง  และบอกทาง “เฮีย”ว่าถ้าไม่คืนเงิน จะแจ้งตำรวจนะ    ฝ่ายเฮียได้ตอบกลับมาว่า  แจ้งเลยครับผมไม่กลัว ตกลงทำธุรกิจตกลงแบบนี้

หลังแน่ใจว่าครูกระต่ายถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวง จึงนำมาปรึกษากับฝ่ายบริหารสถานศึกษาคือ ผอ.กับ รอง ผอ.  ซึ่งฝากเตือนภัย สำหรับผู้พิการทั่วประเทศต่อไป  ที่การสื่อสารไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมแก๊งหลอกลวงนี้

ขณะที่ น.ส.ลลิตา (สงวนนามสกุล) รอง ผอ. กล่าวว่า  หลังมีการแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อเสนอผ่านทางสื่อมวลชน วันนี้ (22ธ.ค.) ได้มีบุคคลอ้างเป็น ตร.กองปราบปราม มาขอข้อมูลเพื่อติดตามแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยเร่งด่วนแล้ว  ซึ่งเป็นประโยชน์กับคนพิการต่อไป   จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อภัยสังคมและก่อนหน้ามีครูพิการทางการได้ยิน(เป็นใบ้-หูหนวก)หลายคน ที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวงแต่ไม่ได้มีการแจ้งควมร้องทุกข์หรือ เป็นข่าว  

มานิตย์   สนับบุญ/ปราจีนบุรี