In News
กระแสต้าน'พระเล็ก'ยังคงรุนแรงรับปีใหม่ ชี้ชัดพิธีรับไฟพระฤกษ์พระสายป่าหาย

กาฬสินธุ์-กระแสต่อต้าน “พระเล็ก” รับปีใหม่ พระสายป่าหันหลังให้มหาเถรและสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ชี้ชัดในพิธีรับไฟพระฤกษ์จากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประทานให้สำนักงานวัฒนธรรม เพื่อส่งต่อให้พระสังฆาธิการไปจุดสวดมนต์ข้ามปี ประจำปี 2565 โดยที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ไม่มีพระสังฆาธิการสายธรรมยุตร่วมพิธี อีกทั้ง “พระเล็ก” เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ไร้วัด ก็ยังไม่ปรากฏตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงาน กระแสการต่อต้าน “พระเล็ก” หรือพระครูสุทธิญาณโสภณ (เล็ก สุทธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) รูปใหม่ ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 และมตินี้ยังได้ปลดเจ้าคุณหลวงพ่อบัวศรี หรือ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ซึ่งได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคนกาฬสินธุ์ และคณะศิษยานุศิษย์ จนเกิดแรงต่อต้านมานานนับ 3 เดือน
ล่าสุดในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นธรรมเนียมจารีตปฏิบัติ ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก จะประทานไฟพระฤกษ์ให้สำนักงานวัฒนธรรม เพื่อนำส่งต่อให้กับเจ้าคณะจังหวัดทั้งประเทศ ทั้งจากสายธรรมยุต และสายมหานิกาย เพื่อนำไปจุดเป็นต้นไฟในการสวดมนต์ข้ามปีตามวัดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล ปรากฏว่าที่ จ.กาฬสินธุ์ ก่อนเทศกาล (31 ธ.ค.64) พิธีดังกล่าว ได้ถูกจัดขึ้นภายในอุโบสถวัดสว่างคงคา เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ไฟพระฤกษ์ซึ่งปกติจะมี เจ้าคณะจังหวัดและพระสังฆาธิการ ทั้งจากสายมหานิกายและสายธรรมยุต เข้ามาร่วมพิธี กลับมีเพียงพระครูวรธรรมธัช เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และพระสังฆาธิการของสายมหานิกาย 18 อำเภอ เข้ามาร่วมพิธีเท่านั้น โดยไม่พบว่ามีพระสังฆาธิการจากสายธรรมยุต มาร่วมพิธีแต่อย่างใด อีกทั้งก็ยังไม่พบว่า มี “พระครูเล็ก” หรือ พระครูสุทธิญาณโสภณ (เล็ก สุทธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) รูปใหม่มาร่วมด้วย ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจต่อคณะผู้จัดงาน แต่สำหรับชาวพุทธกาฬสินธุ์เป็นที่เข้าใจว่าได้ ทำไมและเพราะอะไรที่“พระครูเล็ก” ถึงไม่ยอมมาร่วมพิธีนี้ ทั้งที่เป็นไฟพระฤกษ์ที่ประทานมาจากประมุขของคณะสงฆ์แห่งไทย
ท่ามกลางความกดดันต่อมติมหาเถรสมาคมและสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งได้ปลดเจ้าคณะจังหวัดถึง 3 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นต้นมา แม้ว่าในส่วนของ จ.ปทุมธานี และ จ.ฉะเชิงเทรา จะยุติการเคลื่อนไหว แต่ จ.กาฬสินธุ์ ยังพบว่าชาวบ้านยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมายิ่งขึ้น ด้วยเวลาล่วงเลยมา 3 เดือนเต็ม จะเพราะมหาเถรสมาคมและสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่สามารถให้คำตอบหรือเหตุผลใด จึงมีคำสั่งปลดเจ้าคุณหลวงพ่อบัวศรีหรือไม่ ชาวพุทธที่ศรัทธาเจ้าคุณบัวศรี จึงรู้สึกอึดอัดใจ เจ็บปวด และเชื่อว่าคำสั่งนี้ไม่เป็นธรรม เป็นคำสั่งที่ถูกสอดไส้ของฆราวาสกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการทำลายความศรัทธาของชาวพุทธกาฬสินธุ์ จนมีการทยอยลาออกของพระสังฆาธิการสายป่ากาฬสินธุ์ ตั้งแต่ระดับตำบลไปจนถึงระดับอำเภอ
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นด้วยศรัทธาชาวพุทธอีสาน ด้วยแรงต่อต้านที่มากขึ้น ที่ผ่านมาจะพบว่ามีการเขียนป้ายประท้วงต่อต้าน ติดตามถนนสายหลักและสายรอง ที่ต้องการสื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ดูแลคณะสงฆ์ ได้เข้ามาจัดการแก้ไขสะสาง สร้างความกระจ่างชัด จึงมีการยกระดับการขับไล่ที่รุนแรง ยิ่งพบว่ากลุ่มของ “พระครูเล็ก” มีความพยายามที่ต้องการหาวัดหรือสำนักสงฆ์เพื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ จนปรากฏภาพเคลื่อนไหวของพระครูเล็กครั้งแรกในช่วงวันลอยกระทง ที่วัดสักกะวัน ภูกุ้มข้าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้ยกขบวนพร้อม รปภ.เข้าไปกราบ เจ้าคุณหลวงปู่หา ที่คนอีสานรู้จักกันในนามหลวงปู่ไดโนเสาร์ ซึ่งบทสนทนาระหว่างพระครูเล็ก กับเจ้าคุณหลวงปู่หา ก็ทำเอาศิษยานุศิษย์ รับไม่ได้ ด้วยมีวาทะกรรมกล่าวอ้างเบื้องสูง ว่ามีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้มาเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) อีกทั้งพระครูเล็กยังได้กล่าวหานักข่าวสำนักหนึ่งว่าทำข่าวไม่ดีจะเกิดสังฆเภทหรือตกนรก
ความรุนแรงยิ่งเพิ่มทวีมากยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 เมื่อปรากฏมีคลิปคนเสียงคล้ายพระเล็กสนทนากับพระรูปหนึ่งที่ไม่ปรากฏว่าเป็นใคร กระจายในโลกโซเชียล คลิปนี้ต้องบอกว่าสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เพราะมีการอ้างเบื้องสูงอย่างน่าหวาดเสียว มีการระบุตัวละครออกมาเป็นฉากๆ ด้วยบทสนทนาปิดท้ายว่าใครอยู่เบื้องหลังมติคำสั่งแต่งตั้ง และว่าทุกอย่างต้องจบลงด้วยการถอดเจ้าคุณหลวงพ่อบัวศรี และเจ้าคุณหลวงพ่อแผน รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) ออกจากสมณศักดิ์ พร้อมกับทำการกวาดล้างคณะสงฆ์สายป่ากาฬสินธุ์ รวมไปถึง จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย
คงไม่แปลกที่จะเห็นว่าเมื่อมีการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใดของ กลุ่ม “พระครูเล็ก” จะพบมีการต่อต้านของชาวพุทธกาฬสินธุ์ ซึ่งล่าสุดเหตุการณ์ส่งท้ายปีเก่า ก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2564 ที่วัดป่าแพงศรี อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เมื่อเจ้าอาวาสวัดไปเซนต์รับพระลูกวัดจาก จ.เลย ที่ชาวบ้านมาทราบภายหลังว่าเป็นเครือข่ายของพระครูเล็ก โดยมีพระคน จ.ร้อยเอ็ด เป็นผู้เคลื่อนไหว จึงมีการเดินขบวนประท้วงขับไล่อย่างรุนแรงต่อเนื่องหลายวัด และสุดท้ายพระรูปดังกล่าวก็ได้ยอมถอยออกไปจากวัดอย่างไม่มีวันที่กลับเข้ามาได้
การติดตามขับไล่ของชาวบ้าน จึงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจะด้วยการที่ “พระครูเล็ก” จะไม่สนใจพระธรรมวินัยหรือไม่นั้น คณะสงฆ์สายป่าภาคอีสานทั้งจากมหานิกายและธรรมยุต กว่า 1,250 รูป ยังได้ร่วมกันสวดบทสวดมหาสันติหลวง เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และเพื่อภาวนาให้เกิดกระบวนการแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้น
แหล่งข่าววงในแจ้งว่า ปัจจุบันยังมีเจ้าหน้าที่ในสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ บางคนพยามต่อสายไปตามวัดต่างๆ เพื่อหาวัดให้ “พระครูเล็ก” รวมไปถึงความพยายามในการเจาะหาวัดร้าง เพื่อนำมาตั้งเป็นสำนักสงฆ์หรือวัดให้พระครูเล็ก แต่ไม่ว่า “พระครูเล็ก” จะได้วัดหรือไม่ได้วัด ในวันนี้คงไม่สำคัญแล้ว เพราะที่แน่ๆหาก “พระครูเล็ก” เข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อไหร่ก็จะต้องพบกับการต่อต้านขับไล่ที่ยกระดับรุนแรงในทันที
ดังนั้นในปี 2565 ชาวพุทธกาฬสินธุ์ จึงคาดหวังที่จะให้ มหาเถรสมาคมและสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้ามาแก้ไขปัญหานี้ให้กับคณะสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ จะว่าไปแล้วใครผิดก็ว่าผิด ให้ปฏิบัติไปตามพระธรรมวินัย หรือกฎหมาย พ.ร.บ.สงฆ์ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดปัญหาที่ขัดต่อศรัทธาประชาชน ขัดต่อ พ.ร.บ.สงฆ์ฯ ขัดต่อจารีตประเพณี ขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของพระสายกรรมฐาน จนกลายเป็นรอยร้าวที่บาดลึกและเจ็บปวดใจของชาวพุทธกาฬสินธุ์