In Bangkok

กทม.ถกร่วมคณะปฏิรูปประเทศด้านสธ. เดินหน้าปฏิรูปแผนงานสธ.กรุงเทพฯ



กรุงเทพฯ-รองผู้ว่าฯกทม.ประชุมร่วมคณะปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เดินหน้าความร่วมมือปฏิรูปแผนงานด้านสาธารณสุขเพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ

(21 ม.ค. 65) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยรองปลัดกรุงเทพมหานคร นางวันทนีย์ วัฒนะ และนายชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย และผู้เกี่ยวข้อง ประชุมร่วมกับ ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ประธานคณะปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข นพ.ปิยมิตร ศรีธรา ประธานคณะทำงานร่วมเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวของ อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรมการแพทย์ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (คลช. : TCELS) ณ ห้องประชุมชั้น 5 สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร 

สืบเนื่องจากรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้น เพื่อปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทตามกฎหมายว่าด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ โดยคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ได้กำหนดแนวทางการปฏิรูปออกเป็น 5 ด้าน (Big Rock 5) กิจกรรมปฏิรูปประเทศที่ 1 (Big Rock 1) คือการปฏิรูปการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขรวมถึงโรคระบาดระดับชาติและโรคอุบัติใหม่ ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีนโยบายให้แผนงานนี้ นำนวัตกรรมและผลงานวิจัยที่มีอยู่มาใช้ปฏิบัติอย่างทันท่วงทีภายใต้บริบทของประเทศไทย สร้างการมีส่วนร่วมและความมุ่งมั่นร่วมกันจากผู้นำขององค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ให้เกิดการดำเนินงานที่ยั่งยืน เพื่อการขับเคลื่อนงานให้สู่ความสำเร็จ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา 
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขจัดทำโปรแกรมความร่วมมือโครงการความร่วมมือเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 และควบคุมการระบาดระลอกใหม่ด้วยนวัตกรรม (Ending Pandemics through Innovation : EPI) ขึ้น และมอบหมายให้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (ศลช.) เป็นผู้ประสานงานระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานหลักๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของคณะปฏิรูปประเทศและทางโปรแกรม EPI. นำมาจัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคือ การปฏิรูประบบการบริการปฐมภูมิเพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดและการดูแลประชาชนอย่างมีประสทธิภาพ เพื่อการรองรับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันและอนาคต การบริการที่เชื่อมต่อกับหน่วยบริการปฐมภูมิทุติยภูมิและตติยภูมิที่มีประสิทธิจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง 

ทั้งนี้ เบื้องต้นที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้มีการทำ Workshops ร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มาร่วมกันเสนอแนวทางและความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการนำมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป