In News

นายกฯติดตามวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน-โควิด ย้ำส่วนกลาง-ภูมิภาคดูแลผู้ป่วยสู่ระบบ



กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ติดตามสถานการณ์วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน และโควิด-19 ในไทย อย่างใกล้ชิด ย้ำส่วนกลาง-ภูมิภาค ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เร่งนำเข้าสู่ระบบการรักษาได้เร็วขึ้น ขณะที่ผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้ รวม 25,615 ราย

วันนี้ (26 ก.พ.65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทยวันนี้ ( 26 กุมภาพันธ์ 2565) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มรวม25,615 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 25,449 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 166 ราย รวมผู้ป่วยสะสม621,462 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) โดยหายป่วยกลับบ้านแล้ว 14,641 ราย ทำให้หายป่วยสะสมอยู่ที่ 452,510 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) โดยมีผู้ป่วยกำลังรักษา 201,044 ราย และเสียชีวิต 40 ราย ขณะที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19  ของประเทศไทย ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 - 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้ได้รับวัคซีน สะสมรวม  123,355,359 โดส 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ "วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน" และ" โควิด-19 ในไทย"  อย่างใกล้ชิด กำชับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เตรียมแผนบริหารจัดการ เตียง ยา เวชภัณฑ์  แพทย์  บุคลากรด้านสาธารณสุข ให้พร้อมใช้งานกับผู้ป่วยโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมและเพียงพอ จากมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน  ขณะเดียวกัน  ยังย้ำทุกส่วนราชการ  โดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ติดตามผลกระทบต่อประเทศไทย จากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน  โดยเฉพาะราคาพลังงาน  น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ   รวมทั้งผลกระทบจากเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน  ที่อาจผันผวนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ซึ่งทำให้มีผลต่อราคาสินค้าภายในประเทศ ที่อาจมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยต้องกำหนดแผนและมาตรการรองรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด  ขณะที่ไทยยังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 

" นายกรัฐมนตรี ยังขอทุกคนเคร่งครัดในการปฏิบัติตน ตามมาตรการด้านสาธารณสุขและรีบฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว   รวมทั้ง ขอให้ติดตามข่าวสารทั่วโลก  เพื่อวางแผนชีวิตและปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์โลกเช่นกัน ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว