In Bangkok
3สำนักกทม.รับเปิดเรียนแบบOn Site โรงเรียนสังกัดให้ราบรื่นและปลอดภัยโควิด

กรุงเทพฯ-สำนักการศึกษา-สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ กทม. เฝ้าระวังการเปิดโรงเรียนในสังกัดกทม.แบบ On Site อย่างปลอดภัย
นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อม เปิดภาคเรียนที่ 1/2565 แบบ On Site อย่างปลอดภัยว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษา ได้ประชุมร่วมกับ สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักงานเขต และโรงเรียนสังกัด กทม. เพื่อจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ กำหนดสถานที่ฉีดวัคซีน และนัดหมายวันเวลาการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 เด็กนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 5 - 17 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน โดยเบื้องต้นได้วางแผนจะฉีดวัคซีนให้นักเรียนที่โรงเรียน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนและผู้ปกครองในการพาบุตรหลานเข้ารับบริการฉีดวัคซีน ขณะเดียวกันได้จัดทำคลิปวิดีโอแนวทางปฏิบัติทั้งก่อนและหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยแนะนำให้นักเรียนที่ประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีนปฏิบัติตน ดังนี้ ก่อนฉีดวัคซีน 2 วัน ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดการออกกำลังกายอย่างหนัก ดื่มน้ำอย่างน้อย 3 - 5 แก้ว งดดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม เลือกฉีดวัคซีนที่ต้นแขนข้างที่ไม่ถนัด หากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาแล้ว ต้องเว้นช่วงการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เดือน หลังได้รับวัคซีน ให้รอสังเกตอาการ 30 นาที หากอาการปกติให้กลับบ้านได้ หมั่นสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอล และหากมีผื่นขึ้นเต็มตัว คัน บวม เวียนศีรษะ หายใจลำบาก หรือมีไข้สูงมาก ต้องรีบพบแพทย์ทันที หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ควรออกกำลังกายในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า สำนักอนามัย ร่วมกับโรงเรียนในสังกัด กทม.และสำนักงานเขตส่งเสริมความรู้ให้ผู้ปกครองและเด็กในพื้นที่กรุงเทพฯ เกี่ยวกับวิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด 19 ทุกสายพันธุ์ ผ่านศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ตลอดจนรณรงค์สร้างความเข้าใจให้ผู้ปกครอง ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเด็กเข้ารับวัคซีน 19 ให้ครบโดส เพื่อลดความเสี่ยงการนำเชื้อโควิด 19 มาสู่เด็ก
นายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวว่า สำนักการแพทย์ ร่วมกับสำนักอนามัย และสำนักการศึกษา กทม. ได้ดำเนินการตามมาตรการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียน ในเรื่องการฉีดวัคซีนนักเรียนอายุ 12 - 17 ปี ควรได้รับวัคซีนกระตุ้น ผ่านระบบสถานศึกษา และเร่งฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5 - 11 ปี ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก ซึ่งมีสถานศึกษาจับคู่สถานพยาบาลเปิดฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 60 เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้บุตรหลานทุกช่วงวัย คือ อายุ 5 - 11 ปี ในเข็มปกติ และอายุ 12 - 18 ปี ในเข็มกระตุ้น โดยให้สถานศึกษาให้คำแนะนำประโยชน์ของวัคซีน ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำมาตรการรองรับโรงเรียนเปิดภาคเรียนแบบ On Site เน้นตรวจ ATK กลุ่มเสี่ยง สำหรับครู นักเรียน รวมทั้งบุคลากรสถานศึกษาทั้งแบบประจำและไปกลับ หากพบ “ติดเชื้อ - เสี่ยงสูง” เรียนได้ตามปกติแบบมีเงื่อนไข ต้องฉีดวัคซีนครบและไม่มีอาการ ตลอดจนกำชับมาตรการป้องกันตัวเองทุกที่ทุกเวลา คือ ไม่รวมกลุ่มรับประทานข้าวด้วยกันเป็นเวลานาน สวมใส่หน้ากากอนามัย และรับวัคซีนให้ครบโดส สอนให้เด็กล้างมือสม่ำเสมอหลังเล่น หรือทำกิจกรรม และก่อน-หลังรับประทานอาหาร