In Bangkok
กทม.สั่งเพิ่มความเข้มเฝ้าระวังค้าสัตว์ป่า นำเข้าจากต่างประเทศในตลาดกทม.

กรุงเทพฯ-สำนักงานตลาด กทม. เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ เฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่า - สัตว์เลี้ยงที่นำเข้าจากต่างประเทศในตลาด กทม.
นายพินิต อารยะศิลปะธร ผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการจัดระเบียบตลาดค้าสัตว์ที่อยู่ในความดูแลของ กทม. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงและเชื้อโรคต่าง ๆ ว่า สำนักงานตลาด กทม. มีตลาดในกำกับดูแล 12 แห่ง โดยมีตลาดธนบุรีและตลาดนัดมีนบุรี ที่มีการจำหน่ายสินค้าประเภทสัตว์เลี้ยง ปลาสวยงาม ซึ่งได้มีมาตรการเชิงรุกในการจัดระเบียบตลาด ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบและเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงทำความสะอาดพื้นที่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ตลอดจนกำหนดมาตรการดำเนินการ โดยในสัญญาเช่าแผงค้าทุกประเภทห้ามมิให้จำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดี หากพบการฝ่าฝืนจะยกเลิกสิทธิในแผงค้าทันที
ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการตลาดและผู้จัดการตลาดในความดูแลรับผิดชอบประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการป้องกันตนเอง รวมทั้งการควบคุมโรคผ่านเสียงตามสาย ได้แก่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือสัตว์ป่า หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์เมื่อสัมผัสกับสัตว์ หรือผู้ที่ติดเชื้อ หรือเดินทางเข้าไปในป่า ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง หรือนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศโดยไม่มีการคัดกรองโรค และกรณีเดินทางกลับจากประเทศที่เป็นเขตติดโรคต้องคัดกรองและเฝ้าระวังอาการจนครบ 21 วัน หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบพบแพทย์ทันทีและแยกกัก เพื่อมิให้ผู้ป่วยแพร่กระจายเชื้อ
นอกจากนี้ สำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร ยังได้เข้าร่วมเป็นหน่วยงานในโครงการ Safety across Asia For the global Environment (SAFE) เพื่อลดโอกาสการระบาดของโรคอุบัติใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่า มุ่งเน้นการประเมินความเสี่ยงของหน่วยงานและสถานที่ครอบครองสัตว์ป่าที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่เชื้อไวรัสจากสัตว์สู่คน ซึ่งโครงการดังกล่าวดำเนินงานโดยทีมสิ่งแวดล้อมแห่งเอเชียของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินควบคุมโรคสัตว์ข้ามพรมแดน (ECTAD) ของสำนักงานอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ภายใต้การสนับสนุนจากตราสารนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป