In Bangkok
กทม.กำชับรร.เข้มมาตรการป้องกันโควิด เร่งนำนักเรียนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น

กรุงเทพฯ-สำนักการศึกษา กทม.กำชับโรงเรียนในสังกัดเข้มมาตรการป้องกันโควิด 19 เร่งนำนักเรียนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. กล่าวกรณีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำชับสถานศึกษาทั่วประเทศเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด 19 ในโรงเรียน รวมถึงหมั่นทำความสะอาดโรงเรียน ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษา ได้จัดประชุมผู้บริหารโรงเรียนในสังกัด กทม.และหัวหน้าฝ่ายการศึกษา เพื่อกำชับโรงเรียนในสังกัด กทม.ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention ข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้ม สำหรับสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ในสถานศึกษา รวมทั้งประสานโรงเรียนในสังกัด กทม.ให้รายงานข้อมูลนักเรียนที่ตรวจพบการติดเชื้อโรคโควิด 19 เป็นประจำทุกวันผ่านระบบออนไลน์ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันยังได้สำรวจความประสงค์เข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีม่วง เป็นเข็มกระตุ้นขนาดครึ่งโดส ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 ที่มีประวัติการได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็ม ระยะเวลาตั้งแต่ 4 - 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งมีนักเรียนแจ้งความประสงค์รับวัคซีนไฟเซอร์ดังกล่าว 17,769 คน โดยจะประสานสำนักอนามัย กทม.เพื่อฉีดวัคซีนให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของสถานศึกษา โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง กรณีโรงเรียนพบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อโควิด 19 ที่เข้าเกณฑ์ สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น แจ้งผู้ปกครอง และแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อเข้ารับการรักษา ขณะเดียวกันได้ประสานผู้ปกครองให้เฝ้าระวังและตรวจคัดกรองบุตรหลานก่อนพามาโรงเรียน พร้อมแจ้งข้อมูลการเจ็บป่วยของนักเรียนให้โรงเรียนทราบ หากพบว่ามีไข้ ไอ จาม หรืออาการอื่นใด ให้นักเรียนหยุดเรียน เพื่อเฝ้าดูอาการที่บ้าน หรือพบแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงการรับเชื้อโรคเพิ่มขึ้นและลดการแพร่กระจายเชื้อในโรงเรียน ตลอดจนขอความร่วมมือผู้ปกครองกำกับดูแลบุตรหลานให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าให้ถูกต้องก่อนออกจากบ้าน งดการพูดคุยขณะรับประทานอาหารกับเพื่อนที่โรงเรียน รวมถึงทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกัน อาทิ สนามเด็กเล่น ห้องน้ำ ลูกบิดประตู ตลอดจนอาคารสถานที่และบริเวณโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมจัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ เจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค กรณีโรงเรียนที่พบผู้ติดเชื้อให้ปิดห้องเรียนที่พบผู้ติดเชื้อไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อทำความสะอาดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข แล้วให้เปิดใช้ห้องเรียนได้ ส่วนห้องเรียนอื่นเปิดเรียน On Site ตามปกติ