Authority & Harm

โขลงช้างป่าเขาอ่างฤาไนแปดริ้วยกพลบุกปราจีนบุรีถี่รายวัน



ปราจีนบุรี-พบโขลงช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ยกพลมาหากินในพื้นที่แบบวันเว้นวัน เกือบเป็นสัตว์ประจำถิ่น 

วันนี้ 22 ตค.65 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรีรายงานว่า  ได้รับแจ้งจาก นายมนตรี ชาญกิจผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านหว้าเอน ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ช่วงเย็นจรดหัวค่ำวานนี้(21ต.ค.)  พบโขลงช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนจ.ฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่ป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายในเขตรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ) มากกว่า 20 ตัวบวก  เป็นโขลงแม่แปรก   ยกพลมาหากินในพื้นที่แบบวันเว้นวัน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโขลงช้างป่ากลุ่มนี้ จะหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไป-มา ระหว่างพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทรากับในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี   แต่หลังจากถูกชุดเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่า  ร่วมกับผู้นำหมู่บ้าน ทำการผลักดันโขลงช้างป่า   จะพากันเดินข้ามถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (พนมสารคาม –สระแก้ว ) หรือ สาย  359 เพื่อกลับถิ่นฐานเดิมที่ จ.ฉะเชิงเทรา   ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รอยตะเข็บติดต่อระหว่างจังหวัดปราจีนบุรี-ฉะเชิงเทรา

ช่วงเย็นวานนี้ทีมชุดเฝ้าระวังช้างป่าบ้านหว้าเอนได้บันทึกคลิปภาพมุมสูงไว้ได้    ขณะที่โขลงช้างป่า (โขลงแม่แปรก)  ได้พากันเข้ามาพักอาศัยอยู่ข้างเขาหว้าเอน     ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นป่าทึบและมีแหล่งอาหารไร่มันสำปะหลัง  ของชาวบ้านที่ปลูกไว้   กระทั่งช่วงพลบค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมาโขลงช้างป่า    (โขลงแม่แปรก:มีลูกอ่อน 4 -5 ตัว ) ได้พากันยกขบวนเดินข้ามถนนสาย 359 ฝั่งบ้านหว้าเอน   ข้ามไปยังอีกฝั่งคือพื้นที่  ต.ทุ่งพญา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า   โขลงช้างป่าดังกล่าว  (โขลงแม่แปรก:มีลูกอ่อน 4 -5 ตัว )    ได้หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาหากินในพื้นที่ระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา กับพื้นที่ของ จ.ปราจีนบุรี    และจะถูกผลักดันจาก จ.ปราจีนบุรีให้คืนกลับพื้นที่หากินตลอดทุกครั้ง   แต่ในช่วง เย็นจรดพลบค่ำวานนี้ ( 22ต.ค.)  โขลงช้างป่า (โขลงแม่แปรก:มีลูกอ่อน 4 -5 ตัว )      สร้างความประทับใจให้กับชุดเฝ้าระวัง   โดยช้างป่าโขลงดังกล่าวพากันกลับเองโดยไม่ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ผลักดัน และ   คาดว่าโขลงช้างป่า   จะพากันหวนกลับข้ามมาหากินในพื้นที่อีกครั้งใน 1-2 วันนี้

นอกจากโขลงช้างโขลงแม่แปรกจำนวน20ตัวบวกแล้ว ยังมีช้างป่าเพศผู้อีก2ตัวที่แยกฝูงออกมาหากินและอยู่ในพื้นที่เขาหว้าเอนไม่ไปไหน ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป ปัญหาช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่หล่มต่ำผืนสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา,จังหวัดสระแก้ว,จังหวัดชลบุรี,จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดระยอง) มีมาเนิ่นนานนับ 30 ปีที่ผ่านมา

ระยะแรกเพียงในพื้นที่ ช้างป่าออกจากพื้นที่มานอกเขตอำเภอสนามสนามชัยเขต,อำเภอท่าตะเกียบ จนต้องมีการสร้างคู-รั้วกั้นช้างป่า แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ เนื่องจากสาเหตุหลักๆคือ จำนวนประชากรของช้างป่าที่เพิ่มมากขึ้น แต่แหล่งอาหาร ที่อยู่ แหล่งน้ำ มีจำกัด มีการปิด-เปิด เส้นทางผ่านป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน หลังจากช้างป่าถูกรถชน สัตว์ป่าดักปล้นรถขนอ้อย-มันสําปะหลัง-สับปะรด ช้างทำร้ายคน

แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา   ช้างป่าพากันออกนอกพื้นที่มากขึ้นและกระจายโดยรอบผืนป่าทั้ง 5 จังหวัดและพากันมาแบบทั้งยกโขลงเป็นร้อยตัว,มาเดี่ยว และมีแนวโน้มกลายเป็นสัตว์ประจำถิ่น มาแล้วไม่กลับคืนที่เดิมเนื่องจากในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งสวนผลไม้, ไร่มันสําปะหลัง, ไร่อ้อย, ไร่ข้าวโพด, นาข้าว, ป่ากล้วย ตลอดจนแหล่งน้ำ

ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่มากันสม่ำเสมอได้แก่ ตำบลวังท่าช้าง, ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรีและอำเภอศรีมหาโพธิ โดยจะพากันข้ามฝั่งจากถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว-พนมสารคาม) หรือสาย 359 ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกัน โดยมีผลขัดแย้งกับพื้นที่ อาทิ ช้างป่าถูกรถชนบาดเจ็บ-ตาย ขณะข้ามถนน,ช้างบุกรุกพืชสวนไร่นาพื้นที่การเกษตร,การพังบ้านเรือน,การทำร้ายประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต,ช้างถูกไฟช็อตตาย เป็นต้น

เครดิตภาพ/ชุดเฝ้าระวังบ้านหว้าเอน

มานิตย์   สนับบุญ/ปราจีนบุรี