In News

นายกฯส่งเสริมเปิดตลาดการค้าแห่งใหม่ ในคาซัคสถานขยายโอกาสลงทุนไทย



โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สนับสนุนการทำงานเพื่อส่งเสริมการเปิดตลาดการค้าแห่งใหม่ในประเทศคาซัคสถาน ภูมิภาคเอเชียกลาง เพื่อขยายโอกาสการค้าการลงทุนของไทย

กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สนับสนุนการทำงานเพื่อส่งเสริมการเปิดตลาดการค้าแห่งใหม่ในประเทศคาซัคสถาน ภูมิภาคเอเชียกลาง เพื่อขยายโอกาสการค้าการลงทุนของไทย

วันนี้ (วันที่ 6 มิถุนายน 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามการกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเมินและวางแนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนปรับย้ายสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศให้เกิดผลที่ดีที่สุด เพิ่มยอดการค้าส่งออก อาทิ ประเทศคาซัคสถานที่เป็นตลาดแห่งใหม่ มีมูลค่าทางการค้า โอกาสในการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยสูง 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ประเมินแล้วว่าประเทศคาซัคสถานเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และถือเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States : CIS) เป็นคู่ค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียกลาง (คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสสถาน และอุซเบกิสถาน) โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-คาซัคสถาน มีมูลค่า 136 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 98.42 คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 61.79 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 74.21 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ภาพรวมการค้าระหว่างไทย-ภูมิภาคเอเชียกลาง มีมูลค่า 207.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 41.67 คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 99.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้า 107.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

ประเทศคาซัคสถานเป็นตลาดการค้าแห่งใหม่สำหรับไทย แต่มีโอกาสทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันอย่างมาก ไทยจึงต้องการเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์แห่งใหม่ เพื่อสำรวจตลาด ขจัดอุปสรรค ลดต้นทุนการส่งออกสินค้าของไทย เพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างไทยกับคาซัคสถาน รวมถึงประเทศข้างเคียง 

“นายกรัฐมนตรี สนับสนุน และผลักดันการค้าระหว่างประเทศ ผ่านนโยบายในการพิจารณา ประเมินตลาด หาคู่ค้า และตลาดแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนของประเทศไทย เพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าจากไทยไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการในด้านการเจรจา ประเมินการค้าระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การค้าการส่งออกของไทยดำเนินไปอย่างเกิดผลประโยชน์สูงสุด” นายอนุชาฯ กล่าว