Think In Truth

สมการการเมือง'ศรีธนนชัย'ปชช.อย่าจุ้น! โดย : หมาเห่าการเมือง



สภาวะการเมืองการปกครองของประเทศไทยในปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องมาจากสถานการณ์การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา สาเหตุของการชุมนุมประท้วงดังกล่าวมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการทุจริตคอรัปชัน และปัญหาสิทธิเสรีภาพของประชาชน  

การชุมนุมประท้วงดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการชุมนุมประท้วง มีการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมหลายราย รวมไปถึงการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมประท้วงหลายครั้ง 

สถานการณ์การชุมนุมประท้วงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างรุนแรง ภาคธุรกิจหลายแห่งต้องปิดกิจการ ประชาชนจำนวนมากตกงาน รวมไปถึงมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมประท้วง  สภาวะการเมืองการปกครองของประเทศไทยในปัจจุบันมีความท้าทายสูง รัฐบาลไทยต้องเร่งแก้ไขปัญหาการเมืองการปกครองของประเทศ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความสงบและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจมาหลายปีแล้ว รัฐบาลชุดต่างๆ พยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีดังนี้

ความไม่มั่นคงทางการเมือง ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้ง รัฐบาลชุดหนึ่งขึ้นสู่อำนาจก็ล้มไปอีกชุดหนึ่ง ทำให้นโยบายเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ในระยะยาว

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่ค่อนข้างไม่มั่นคงมายาวนาน ปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยเกิดปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองมีมากมายหลายประการ เช่น ปัญหาการทุจริตคอรัปชัน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความขัดแย้งทางอุดมการณ์  ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน  ปัญหาการขาดเสถียรภาพทางการเมือง ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้ง ส่งผลให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลและสถาบันการเมือง ปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองของประเทศไทยเป็นปัญหาที่ร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในหลายด้าน รัฐบาลไทยต้องเร่งแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมือง เพื่อนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รัฐบาลต้องปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางสังคมและการเมือง สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันการเมือง และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง

ปัญหาคอรัปชัน ประเทศไทยมีระดับคอรัปชันสูง ทรัพยากรของประเทศถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของข้าราชการและนักการเมือง ทำให้ประเทศขาดเงินทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจ

ประเทศที่มีระดับการทุจริตสูง ติดอันดับต้นๆ ของโลก สาเหตุของปัญหาการทุจริตคอรัปชันในประเทศไทย วัฒนธรรมการทุจริต ประเทศไทยมีวัฒนธรรมการทุจริตที่ฝังรากลึกมานาน ผู้คนทั่วไปมองว่าการทุจริตเป็นวัฒนธรรมการจิ้มกล้องที่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องผิด เป็นสินน้ำใจในความมีน้ำใจต่อกัน อีกทั้งประเทศไทยมีระบบราชการที่อ่อนแอ ประเทศไทยมีระบบราชการที่อ่อนแอ ขาดการตรวจสอบและถ่วงดุล ข้าราชการสามารถทุจริตได้ง่าย  ด้วยการมีกฎหมายที่อ่อนแอ กฎหมายไทยที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตยังไม่เข้มงวดพอ ทำให้ผู้กระทำผิดสามารถรอดพ้นจากความผิดได้  ประเทศไทยขาดความโปร่งใส ประเทศไทยขาดความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐหรือขากการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ทำให้การทุจริตได้ง่ายขึ้น สังคมไทยขาดจิตสำนึกและมีความระอายต่อการคอร์รัปชั่น คนไทยส่วนใหญ่ขาดจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริต มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องผิด

โครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยมีเศรษฐกิจแบบพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศมีความผันผวนสูง เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกตกต่ำ ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง

ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจมาหลายปีแล้ว รัฐบาลชุดต่างๆ พยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีดังนี้ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้ง ปัญหาคอรัปชัน ประเทศไทยมีระดับคอรัปชันสูง ทรัพยากรของประเทศถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของข้าราชการและนักการเมือง ทำให้ประเทศขาดเงินทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม ประเทศไทยมีเศรษฐกิจแบบพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศมีความผันผวนสูง เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกตกต่ำ ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง  ปัญหาภัยธรรมชาติ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง ภัยธรรมชาติเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง รัฐบาลไทยต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเหล่านี้ เพื่อนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เร่งปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทย 

ปัญหาภัยธรรมชาติ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง ภัยธรรมชาติเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง

ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ มีภูเขาทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น มีสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดปี ฝนตกชุกในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-ตุลาคม) ประเทศไทยจึงประสบปัญหาภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง เช่น อุทกภัย ภัยแล้ง พายุหมุนเขตร้อน แผ่นดินไหว ฯลฯ ปัญหาภัยธรรมชาติเป็นปัญหาที่ร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลไทยต้องเร่งแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ เพื่อนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รัฐบาลต้องปรับปรุงระบบการจัดการภัยธรรมชาติ ส่งเสริมความตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ และปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ

ปัญหาด้านโครงสร้างที่เอ่ยมาข้างต้น เป็นปัญหาที่ประาชนไทยในประเทศต้องเผิญที่หวังว่าการเมืองการปกครองประเทศไทยจะเป็นที่หวังในการแก้ปัญหา การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจึงมีคนออกไปเลือกตั้งเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการ มีผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด39,293,867 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศประมาณ 52 ล้านกว่า คิดเป็น 75.22% หลังการเลือกตั้ง ประชาชนก็หวังว่า พรรคฝ่ายประาธิปไตยจะได้จับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อการแก้ปัญหาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแว้ดล้อม รวมทั้งการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เเป็นประมุข แต่แล้วประชาชนก็ผิดหวังจากการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย และที่ผิดหวังหนักไปกว่านั้น คือ การที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประาธิปไตย แยกฝ่ายไปร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายอนุรักนิยม โดยที่ตัวละครทางการเมืองที่ออกมาแสดงบทบาททางการเมืองเป็นการต่อรองในสมกาารทางการเมืองที่เต็มไปด้วยผลประโยชนส่วนบุคคล โดยที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการทางการเมืองนั้นเลย

ตัวละครในสมการทางการเมืองก็แสดงบทบาทแห่งการแย่งชิงผลประโยน์และโอกาสส่วนตน ไม่ว่า สส.พรรคเพื่อไทย ที่พยายามจับพรรคการเมืองขั้วอนุรักษ์นิยมโดยอ้างถึงโอกาสทางการบริหารประเทศเพื่อช่วยเหลือประชาชน และพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน  แต่ในเนื้อหาสาระในบทบาทการแสดง กลับมีแต่โอกาสในการดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี และการกลับบ้านของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ สว. ก็แสดงบทบาทที่จะล้มล้างการปกครองด้วยการใช้สิทธิในความเห็นชอบการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี กลายเป็นขัดขวางการดำรงตำแหน่งของบุคคลที่มาตามหลักการประชาธิปไตย ที่เป็นเจตนารมณ์ของประชาชน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่อ้างว่าออกมาแฉเพื่อชาติ แต่เนื้อหากลับกลายเป็นการนำเอาเรื่องส่วนตัวมาสร้างแรงกดดันและบีบบังคับให้คนที่เขาอยู่ในกระบวนการรัฐสภาสละสิทธิ์ในการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยที่นายชูกวิทย์เองก็ไม่ใช่ผู้เสียหายจากการดำเนินธุรกิจของฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเลย อีกทั้งก็ไม่มีผู้เสียหายไปร้องต่อหน่วยงานของรัฐเพื่อเอาผิดกับนายเศรษฐา

รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สมการการเมืองของไทยเวลานี้ ต้องการคำตอบจากสมการ เพียงสามคำตอบ คือ 1.ดร.ทักษิณ ชิณวัตร จะได้กลับบ้านไหม  2. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะติดคุกไหม  3.นายเศรษฐา ทวีสิน จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีไหม ทั้งสามสมการเพื่อหาคำตอบจากสมการการเมืองไทย ไม่มีประชาชนในสมการคำตอบเลย เป็นเพียงสมการเพื่อหาคำตอบที่เป็นประโยชน์ส่วนตัว หรือพวกพ้องล้วนๆ ไม่มีประชาชนได้คำตอบที่เป็นประโยน์จากสมการทั้งสามเลย

การออกมาแฉเพื่อชาติของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็มีเป้าหมายเพียงเพื่อกดดันให้นายเศรษฐา ทวีสินสละสิทธิ์ วางไม้เพื่อให้ไม้คิวไหลเวียนไปถึงมือลุงป้อม ที่นั่งรอตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลอยผ่าน และจะได้คว้ามาถือ

ตัวละครทางการเมือง เริ่มหายไปที่ละคน ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง ที่เฝ้าจ้องหาเรื่องไปร้องศาล ผู้บังคับใช้กฏหมายที่ใช้อำนาจขัดต่อระเบียบวินัย นักวิชาการที่อธิบายสถานการณ์ที่ผิดเพี้ยนจากหลักการที่ถูกต้อง รวมทั้งกลุ่มนักล็อบบี้ยีสต์ทางการเมือง ก็เริ่มแสดงบทบาทไม่ค่อยออก อันเนื่องจาก โลกแห่งการสื่อสารที่ถูกบันทึกด้วย Digital Footprint ที่สามารถตรวจสอบได้ และสังคมสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ข้อมูล ที่ถูกเปิดเผยออกมาตามลำดับ ทำให้สังคมมองเห็นความจริงที่ยังซ่อนเร้นอยู่ในการเมืองการปกครอง ที่เคยดำเนินการด้วยการปิดบังข้อมูล  เหมือนดั่งประชาชนถูกหลอกมานาน ที่สามารถบันทึกและสะท้อนให้สังคมเห็นไปด้วยเพลง  “ผู้ใหญ่ลี” นั่นคือสังคมถูกบิดเบือนข้อมูลเพื่อการบริหารการปกครองมาตลอด จนถึงปัจจุบันที่เราเห็นการเมืองแบบ “ศรีธนนชัย” ที่ดำเนินการทางการเมืองแบบสับขาหลอกกันไป หลอกกันมา โดยอ้างประชาชน คนที่รับกับพฤติกรรมทางการเมืองแบบศรีธนนชัย ที่หลอกเอาอำนาจเพื่อเผด็จการใช้อำนาจนั้นให้เป็นประโยชน์ส่วนตน ก็เริ่มรับไม่ได้ ก็จะทยอยหนีหายไป รวมกันอยู่ในกลุ่มที่คิดอย่างเดียวกัน เหมือนดั่งที่กลุ่มนายจาตุรนต์ และนายณัฐวุฒิ ที่กำลังจะหันหลังให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะไปรวมกับพรรคก้าวไกลในอนาคต  ปรากฏการณ์ทางการเมือง มีคนอธิบายและนำเสนอไว้มากแล้ว ก็เพียงเสนออีกมุมมองและคอยเฝ้าดูว่า ในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

 

ขอขอบคุณภาพจาก Thai Movie Poster