Think In Truth

'ก้าวไกล'...ควรถอดบทเรียนทางการเมือง โดย : หมาเห่าการเมือง



การก่อเกิดของพรรคก้าวไกล ถ้าจะว่ากันคร่าวๆ คือการเกิดขึ้นมาจากกลุ่มนักกิจกรรมของนักศึกษาในรุ่นของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถูกักชวนกันทำกิจกรรมการเมืองแล้วก่อตัวขึ้นมาเป็นพรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่เกิดการทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กลุ่มนักกิจกรรมรุ่นเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาเคลื่อนไหว ที่ก่อตัวในต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวดิน กลุ่มตามหานกพิราบ กลุ่มประตูท่าแพเชียงใหม่ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาต่อต้านรัฐประหาร เป็นต้น การต่อต้านเผด็จการรัฐประหารของพลอเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินการระดับหนึ่ง ก็มีการก่อตัวของกลุ่มนักกิจกรรม ที่ได้รวมตัวกันจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาเพื่อต่อสู้ทางการเมืองในรัฐสภา เพื่อเปิดแนวการต่อสู้ขึ้นมาอีก พรรคอนคตใหม่ ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาถึง 80 คน และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ในวันที่เปิดประชุมสภาในวันแรกด้วยข้อหาถือหุ้นสื่อ ซึ่งปิดตัวไปนานแล้ว แต่นั่นก็ยังส่งผลถึงการออกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญให้เขาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564  พรรคอนาคตใหม่ก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ยุบพรรคอนคตใหม่และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคในการลงรับสมัครการเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560  นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ สส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ไปสังกัดภายใต้พรรคการเมืองใหม่ในนายพรรคก้าวไกล ที่มีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน เป็นเลขาธิการพรรค และดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อจากนั้นมา จนประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ที่ได้ สส.เข้าสภามากที่สุดถึง 151 คน

ถึงแม้นว่าพรรคก้าวไกลจะมีเสียงในสภามากที่สุด แต่ก็ล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาล อันเนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 60 ได้ระบุไว้ว่า พรรคการเมืองที่เสนอแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีไว้ ให้เสนอชื่อเพื่อโหวตรับรองการดำรงตำแหน่งนายรัฐมนตรี มากกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 376 เสียงขึ้นไป สิ่งที่พรรคก้าวไกลทำได้คือรวบรวมเสียงในสภาได้เพียง 346 เสียง จึงไม่ผ่านการรับรองให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ในความล้มเหลวของการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ สิ่งที่พรรคก้าวไกลจะต้องนำไปสู่การถอดบทเรียน คือการค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาล หรือการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อก้าวไปสู่ตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ความสิวิไลซ์อย่างที่คาดหวัง

ก้าวไกล เป็นพรรคการเมืองที่มีบุคลากรที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความรู้ ความสามารถ มีความฮึกเหิมในการที่จะทำกิจกรรมทางการเมือง มีวินัยที่สามารถหลอมรวมความคิดที่หลากหลายให้มองไปในทางเดียวกันได้ บุคลากรมีความฉลาดรอบรู้มีหลักการที่เหนียวแน่ ยึดมั่นในหลักการในการปฏิบัติ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และผู้อื่นโดยเฉพาะกับประชาชน นั่นคือจุดเด่นของพรรคก้าวไกล ที่ประชาชนสามารถสัมผัสได้ และให้ความเชื่อมั่น ความโดดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่พรรคก้าวไกลดูว่าจะล้ำหน้ามากกว่าพรรคอื่นๆ คือการทำงานบนฐานข้อมูล และการนำข้อมูลเข้ามาสู่การประมวลผลเป็นข้อมูลจริงที่ได้จากพื้นที่จริง เมื่อประมวลผลออกมาแล้ว การสรุปผลจะไม่ไบแอส และทุกคนที่เป็นบุคลากรของพรรคมีความมุ่งมั่นที่จะนำข้อมูลไปสุ่การปฏิบัติ ความโดดเด่นนี้ถือว่าโดดเด่นมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ

สิ่งหนึ่งที่พรรคก้าวไกลยังก้าวสู่ความสำเร็จไม่ได้ คือ วัยวุฒิที่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับกลุ่มทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐและชนชั้นสูง และการเมืองในหมู่ราการโดยเฉพาะในกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการเมืองในกลุ่มนักการเมืองด้วยกันนั้น พรรคก้าวไกลสามารถสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มนักการเมืองด้วยกันได้ประมาณ 30-40% การเมืองในระดับชนชั้นกลางถือว่า ก้าวไกลสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ถึง 80% ส่วนการเมืองภาคประาชนในระดับชนชั้นล่าง สามารถทำได้ 30% 

ข้อมูลความจริงในระบบการเมืองไทย กลุ่มชนชั้นนำ (Elite Group) เป็นกลุ่มชนที่มีอิทธิพลทางการเมืองมากที่สุด ยิ่งกลุ่มชนชั้นนำรวมกับกลุ่มทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐแล้วพลังการต่อรองทางการเมืองในไทยยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก ยิ่งการเมืองข้าราการอยู่อยู่ภายใต้การเมืองของกลุ่มชนชั้นนำและทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐด้วยแล้ว พลังการต่อรองทางการเมืองยิ่งสูงมากกว่า 75% ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นที่พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องนำกลับไปเป็นฐานข้อมูลในการถอดบทเรียนเพื่อวางยุทธศาสตร์ในการทำการเมืองให้สมดุล ให้ชนชั้นทุกภาคส่วนได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รู้สึกยินดีกับการก้าวเป็นรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และมีความหวังในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมตามบทบาทของตนเอง

การถอดบทเรียนในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ซึ่งอันที่จริงแล้วบุคลากรของพรรคก้าวไกลน่าจะมีความรู้ความสามารถในสิ่งเหล่านี้มากอยู่แล้ว หากแต่อาจจะเลือกวิธีการในการปฎิบัติหรือใช้ช่วงเวลาในการดำเนินการที่อาจจะขาดความเหมาะสม ขาดผู้ซึ่งร่วมทำกิจกรรมการเมืองกับชนชั้นนำ กับกลุ่มทุนผูขาดศักดินาเหนือรัฐ กับกลุ่มข้าราชการ การปรับโครงสร้างในการทำงานการเมืองของพรรคก้าวไกลก็มีความจำเป็น ที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง และปรับกลยุทธ์ที่ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากขึ้น บนพื้นฐานของการจัดลำดับความสำคัญเชิงนโยบาย ให้เหมาะสม ไม่เกิดการต่อต้านหรือต่อต้านจากฝ่ายต่างๆ ให้น้อยลง การดำเนินการทางการเมืองแบบหักด้ามพร้าด้วยเข่า ส่วนใหญ่แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ อย่างกรณีตัวอย่างทางการเมืองในอดีตที่ผ่านมาจนทำให้ผู้นำทางการเมืองหลายคนต้องหนีออกไปต่างประเทศ นั้นหมายถึงชนชั้นในแต่ละชนชั้น ยังมีกำแพงกีดขวางความสัมพันธ์ ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยังไม่ได้ ก็หวังว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของพรรคก้าวไกล จะทำให้พรรคก้าวไกลมีความเชี่ยวชาญในทางการเมือง แต่ไม่จำนนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยยึดทางสายกลาง เป็นพรรคการเมืองที่สามารถสนองตอบต่อชนทุกชั้น โดยการจัดสรรโอกาสอย่างเท่าเทียมด้วยความรู้สึกที่ปีติยินดีของชนทุกชั้นในการอยู่ร่วมสังคมอย่างมีความสุข