Think In Truth

'เศรษฐา'ลุงฉุน2 แบบสองแง่...สองง่าม โดย : หมาเห่าการเมือง



การขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย เพียงแค่หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ก็ได้แสดงออกถึงอัตตลักษณ์ของตนเองออกมา ที่ี้ให้เห็นถึงความเหมาะสมและไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลายต่อหลายเหตุการณ์

อัตตลักษณ์ลุงฉุน2  ซึ่งลุงฉุน 1 ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด วาดลวดลายจะทุ่มโพเดี้ยมใส่นักข่าว โยนเปลือกใส่ ตั้งคำถามย้อนกลับนักข่าวโดยไม่ตอบคำถามที่นักข่าวถามด้วยอาการหัวเสียหรือโมโห แต่นั่นก็เป็นบุคคลิกที่ใครต่อใครเข้าใจได้ว่า พลเอกประยุทธ์ แสดงอาการอย่างนั้นออกมาเพียงเพราะต้องการเลี่ยงที่จะตอบคำถาม หลังจากที่เบี่ยงประเด็นหลุดแล้ว ท่านก็แสดงอาการตลกออกมาให้กลุ่มนกกระจอกได้ขำกัน

ส่วนลุงฉุน 2 เริ่มออกอาหารครั้งแรกเมื่อพบกับกลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ที่ทำอาการโยนปากกา พร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ที่ทำให้นักข่าวจับอาการและการเป็นที่กล่าวถึงระดับหนึ่ง แต่นั่นก็พอที่จะให้อภัยได้ เพราะถือว่าเป็นนายกป้ายแดง มารอบสองก็เดินทางได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วบอกให้ตำรวจดับเครื่องรถแล้วลงจากรถ เพราะคนอื่นก็ยืนตากแดด เป็นพลขับจะติดเครื่องรถยนต์เปิดแอร์สบายอยู่คนเดียวได้ไง ครั้งนี้กลายเป็นไวรัลหนักขึ้น รวทั้งมีเสียงสะท้อนย้อนกลับจากคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงขนาดย้อนกลับว่า ถ้าไม่รู้อะไรก้ต่างคนต่างทำหน้าที่ ครั้งที่สามก็ได้ได้เดินทางไปพบผู้ร่วมหลักสูตรสนับสนุนยุทธศาสตร์ของสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ(วปอ.) ที่กล่าวบนเวทีว่า “วปอ. เป็นอภิสิทธิ์ชน 1% ของประเทศ แนะใช้คอนเน็กชันเผื่อแผ่สังคม-คนตัวเล็ก ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ" ครั้งล่าสุดก็อยู่ที่สนามบันสุวรรณถูมิ ที่กำลังแถลงข่าวหลังจากกลับมาจากการไปร่วมประชุม UNGA ที่สหรัฐ และหลุดพูดออกมาให้ทางสนามบินได้เบาเสียงผ่านไมโครโฟน อาการของผู้นำที่แสดงออกถึงความเปราะบางต่อการกระตุ้นภายนอกง่ายอย่างนี้ เป้นดรรนีที่ชี้บอกถึงจุดอ่อนที่จะถูกกระตุ้นให้แสดงออกในทางที่ไม่เหมาะสมได้ง่าย แล้วจะกลายเป็นเหยื่อข่าวที่จะถูกโจมตี

ประเด็นสองแง่ของนายเศรษฐา ทวีสิน คือ ก่อนที่จะมีการเลือกเลือกนายก ประกาศชัดเจนว่า ไม่เอา สว. ไม่เอา 3 ป. พร้อมที่จะปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พร้อมที่จะแก้รัฐธรรมนูญ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า“ผมเชื่อว่าเขาจะสร้างประโยชน์เพิ่มให้กับรัฐบาลและคนไทย” นายเศรษฐากล่าวและว่า “คุณทักษิณยังคงเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลที่ดีอย่างเห็นได้ชัดว่า ถ้าหากท่านเป็นอิสระแล้วผมไม่ไปขอความเห็นจากท่านหรืออดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็คงไม่ฉลาดนัก” แต่สำนักข่าวทั่วโลกก็ลงข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน จะแต่งตั้ง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา หลังจากที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร พื้นโทษแล้ว

สองง่ามที่นายเศรษฐา ทวีสินได้แสดงออกต่อสาธารณะ คือ การตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐและ พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยอ้างว่า ไม่มี 3ป. อยู่แล้ว ส่วนเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 นั้นจะไม่ดำเนินการ เพราะที่กล่าวในเวทีหาเสียง เป็นเพียงการหาเสียงเท่านั้น ล่าสุด ในขณะที่สำนักข่าวระดับโลกหลายสำนักได้ออกข่าว ว่า นายกเศรษฐา ทวีศิล จะแต่งตั้ง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย นายเศรษฐา ทวีสิน บอกว่า ไม่ได้พูด และท้าให้ไปเปิดเทปให้สัมภาษณ์ดู

ประเด็นแห่งความไม่ตรงกันของการรับรู้ทางสังคม มันชี้ให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของการสื่อสารทางการเมืองของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จะทำให้สังคมมองว่า ท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือในการสื่อสารไม่ได้(กะล่อน) กอร์ปกับอาการที่แสดงออกมาเป็นลุงฉุน ที่ส่อถึงความเป็นบุคคลที่มีวุฒิภาวะไม่ได้สูงนัก จะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน มีอายุของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่สั้นลง

ซึ่งมันต่างไปจากแคนดิเดทผู้นำฝ่ายค้านอย่างนายชัยธวัช ตุลาธน ที่พึ่งได้รับการเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลหมาดๆ ที่เป็นบุคคลที่มีความสุขุม เยือกเย็น อารมณ์ดีใจ อารมณ์ไม่พอใจ อารามณ์โกรธ และอารมณ์สนุก สีหน้าของนายชัยธวัช จะนิ่งแทบแยกไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เขาจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์และอาการที่แสดงออกทางสีหน้าได้ดีกว่า ฝ่ายตรงข้ามจะประเมินจากอาการและสีหน้าของนายชัยธวัช ไม่ออกเลย

เมื่อวานที่พรรคก้าวไกล เปิดเวที “เวทีต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ซึ่งมีการเปิดประวัติของนายชัยธวัช “จากผู้รอดตาย53 สู่หัวหน้าพรรคก้าวไกล” ก็มีเสียงเหน็บมาจากห้องข้างๆ ว่า “มันเกินจริงไปไหม?”..เท่านั้นเอง นายชัยธวัช ไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย ยังคงทำหน้าที่ในการนำเสนอบนเวที “ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” อย่างมีสาระ และตรึงสมาชิกให้อยู่ร่วมเวทีอย่างเนืองแน่น เพียงแค่ข้ามคืน ก็มีคนเอาเสียงห้องข้างๆ มาย้อน และนำหลักฐานการต่อสู้ของนายชัยธวัชร่วมกับพี่น้องคนเสื้อแดง โดยไม่ได้ไปที่ชุมนุมเพียงเพื่อสร้าง content แต่เป็นการร่วมต่อสู้อย่างจริงจัง มีภาพถ่ายยืนยัน แล้วตั้งคำถามว่า วันที่ 10 เมษายน 2553 นายเศรษฐา ทวีสิน ไปอยู่ที่ไหน นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ไปอยู่ที่ไหน แถมยังมีคนเอาข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศในวันที่ 10 เมษายน 2553 ของตระกุลชินวัตร

สถานการณ์อย่างนี้ เป็นสถานการณ์ที่นายเศรษฐา ทวีสิน ถึงจะมีสถานะถึงนายกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นรองผู้นำฝ่ายค้านในหลายขุม ซึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน จำเป็นต้องทบทวนตัวเอง และปรับการแสดงออก ปรับวิธีการการนำเสนอ อีกทั้งแสดงออกให้สื่อถึงความจริงใจ และบริสุทธิ์ใจต่อสาธารณะมากกว่านี้ ถึงแม้นว่าจะมีความมั่นใจว่า นางสาวแพรทองธาร กับนายพิธา หรือกับนายธนาธร ยังคงพูดคุยหรือร่วมโต๊ะกาแฟกันอยู่บ่อยๆ มันก็จริง ด้วนพรรคก้าวไกล เขาจัดตั้งพรรคในแนวพรรคมวลชน ผู้นำพรรคหรือผู้บริหารพรรค ก็จะทำอะไรได้บ้างตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพรรคเท่านั้น โดยจะควบคุมสมาชิกพรรคให้ทำตามตัวเองไม่ได้เลย ดังนั้นถ้าสมาชิกพรรคจะต้องขับเคลื่อนอะไรบางอย่าง หัวหน้าพรรค หรือผู้บริหารพรรค จะไม่สามารถกำกับสมาชิกได้  นี่คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่อาจจะทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายกเศรษฐา ทวีสิน สั้นลง

ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ควรจะปล่อยให้สถานการณ์นี้ได้บ่มเพาะตัวเองจนกลายเป็นแรงกระเพื้อมเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ควรต้องเร่งพิจารณาทบทวนท่าที และแสดงออก และวิธีสื่อสารการเมือง ให้สารธารณะได้เชื่อมั่น อาจะเริ่มต้นจากการสื่อสารการเช่าเหมาลำเครื่องบินการบินไทยก็ได้ โดยที่ท่านอาจจะต้องยอมรับว่าใช้ระเบียบปฏิบัติเดิมอยู่ พอรู้ว่าระเบียบปฏิบัตินั้นมีนล้าสมัย และไม่สง่างาม ท่านจะแก้ไงอย่างไรกับระเบียบปฏิบัตินั้น ให้สามารถใช้ระเบียบการศึกษาดูงานไม่เป็นช่องทางในการคอร์รัปชั่น ต่อไป เท่านี้ท่านก็มีจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว