Think In Truth

วิกฤตเศรษฐกิจจีน 'ไทย'ดิ้นให้พ้นโดมิโน โดย หมาเห่าการเมือง



เมื่อ "ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ" ถึงจุดจบ แล้ววิกฤตเศรษฐกิจจีนจะกระทบกับทั้งโลกอย่างไร นี่เป็นบทความหนึ่งของสำนักข่าว BBC ไทย โดยีมเนื้อหา ว่า

เคยมีคำกล่าวว่า หากสหรัฐอเมริกาจามขึ้นมาหนึ่งครั้ง โลกทั้งโลกก็จะติดหวัดไปด้วย แล้วหากจีนเกิดล้มป่วยขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกทั้งใบ

จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราการว่างงานในคนรุ่นใหม่สูงขึ้น และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังอลหม่าน

ขณะที่หลายปัญหากำลังรุมเร้ารัฐบาลจีน แล้ววิกฤตที่เกิดขึ้นมีความหมายอย่างไรกับประเทศอื่น ๆ ในโลก

นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า ความกังวลว่าหายนะของโลกกำลังใกล้เข้ามา เป็นความกังวลที่ "เกินจริง"

แต่บรรดาองค์กรธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งมีพนักงานและกำลังคน ที่แม้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับจีนเลย ประเมินว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใคร

"ยกตัวอย่างเช่น หากคนจีนลดค่าใช้จ่ายการกินอาหารกลางวันนอกบ้านลง มันจะกระทบอย่างไรกับเศรษฐกิจโลก" เดโบราห์ เอล์มส ผู้อำนวยการบริหารศูนย์กลางการค้าอาเซียนในสิงคโปร์ ถาม

"คำตอบ คือ ผลกระทบอาจจะไม่มากเท่าที่คุณจินตนาการ แต่มันกระทบแน่นอนกับธุรกิจที่พึ่งพาการบริโภคภายในของประเทศจีน"

บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายร้อยบริษัทอย่างเช่น แอปเปิล โฟล์กสวาเกน และเบอร์เบอร์รี มีรายได้มหาศาลจากตลาดผู้บริโภคในจีน และจะเป็นภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายที่น้อยลงของครัวเรือนจีน

เมื่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก ดังนั้น การชะลอตัวไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ผลกระทบย่อมจะรู้สึกไปถึงที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในจีนเท่านั้น

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีนทุ่มเม็ดเงินลงทุนกว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐลงไปในโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ในชื่อ "ความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative)

กว่า 150 ประเทศ ได้รับเงินลงทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีนในการสร้างถนน สนามบิน ท่าเรือ และสะพาน นายราจาห์ อธิบาย โดยคำมั่นสัญญาของจีนในโครงการเหล่านี้อาจเริ่มได้รับผลกระทบหากปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีนยังคงดำเนินอยู่ "ตอนนี้บริษัทและธนาคารสัญชาติจีน จะไม่ได้มีเงินทุนมากเหมือนเดิมที่จะกระจายไปยังต่างประเทศอีกต่อไป" โรแลนด์ ราจาห์ ผอ.ศูนย์การพัฒนาอินโด-แปซิฟิกที่สถาบันโลวีในซิดนีย์ ออสเตรเลียระบุไว้

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ยิ่งจีนเปราะบางมากขึ้น จีนอาจจะหาทางกลับมาซ่อมแซมความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เพราะมาตรการจำกัดทางการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อจีน มีส่วนทำให้ตัวเลขการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลง 25% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้

นางจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ถึงกับเรียกจีนว่าเป็น "ประเทศที่ไม่สามารถลงทุนได้" สำหรับบริษัทสัญชาติอเมริกันบางแห่ง

รายงานผลการศึกษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน (ASEAN Consumer Sentiment Study – ACSS) ประจำปี 2566 สะท้อนความรู้สึกของผู้บริโภคต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทย

แนวโน้มการนำบริการธนาคารดิจิทัลมาใช้ โดยรายงานการศึกษาพบว่า ผู้บริโภคคนไทยยังคงเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีความระมัดระวังและปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัว

ร้อยละ 72 ของผู้ตอบแบบสำรวจ แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่อาจเกิดขึ้นในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า  ส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวังกว่าเดิม และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงิน โดยเลือกกันเงินสำหรับการออมและการลงทุนมากขึ้น

รายงานจาก ลุงทุนแมน www.longtunman.comระบุว่า รัฐบาลไทย “ไม่ควรเสี่ยง” แจกเงิน 560,000 ล้านบาทในตอนนี้ ลงทุนแมนจะสรุปแบบไม่อ้อมค้อม และเข้าใจง่ายที่สุด ว่า “ระหว่างทางเราก็มีโครงการต่าง ๆ สร้างหนี้เรื่อยมา ทีละหลายแสนล้านบาท เยอะที่สุดก็ตอนช่วงล็อกดาวน์ที่กู้เงินเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท ในตอนนี้เรากำลังสร้างหนี้อีก 5.6 แสนล้านบาท ทั้งที่ไม่เกิดวิกฤติอะไร”

จากรายงานต่างๆ ทางด้านการวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเงินของโลก ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลของแต่ละฝ่ายที่จะจัดเก็บข้อมูลเข้ามาเพื่อการวิเคราะห์ หรือนำเสนอข่าวสารเพื่อประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราเองซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการตลาดในระดับโลก ซึ่งรัฐบาลเองจำเป็นต้องมีการติดตามข้อมูลและวางมาตรการรองรับ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ วิกฤตเศรษฐกิจจีนจะส่งผลต่อประเทศไทยใน 2 ช่องทางหลัก ดังนี้

  • ช่องทางการส่งออก จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยไทยส่งออกสินค้าไปจีนมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาทในปี 2565 หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ความต้องการสินค้านำเข้าจากต่างประเทศก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ช่องทางการท่องเที่ยว จีนเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย โดยในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยกว่า 1.5 ล้านคน หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง นักท่องเที่ยวจีนก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย

นอกจากนี้ วิกฤตเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น

  • การลงทุน จีนเป็นประเทศผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง การลงทุนจากจีนก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของไทย
  • การเงิน จีนเป็นตลาดการเงินขนาดใหญ่ หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจจีนต่อประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของวิกฤตและมาตรการที่รัฐบาลจีนใช้ในการแก้ไขปัญหา หากวิกฤตเศรษฐกิจจีนไม่รุนแรงมาก และรัฐบาลจีนสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลกระทบต่อประเทศไทยก็จะไม่รุนแรงมากนัก

มาตรการที่รัฐบาลไทยสามารถดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจจีน ได้แก่

  • การส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดจีน
  • การส่งเสริมการท่องเที่ยวจากตลาดอื่นๆ เพื่อทดแทนนักท่องเที่ยวจีน
  • การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

ต่อมาตรการแจกเงิน 560,000 ล้านบาทนั้น เป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยชะลอหรือแก้ปัญหาการเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ แต่ตั้งดำเนินการอย่างระมัดระวัง โดยการแจกเงินลงไปถึงประชานโดยตรงนั้น จำเป็นต้องมีเงื่อนไขและมาตรการในการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมเพื่อการบริโภคภายในประเทศในทุกระดับเพื่อให้เกิดการใช้แรงงานและพัฒนาทรัพยกรให้เกิดผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้ภายในประเทศ ไม่ใช่แจกเงินไปเพื่อการแลกเปลี่ยนซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค โดยไม่เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นจะนำประเทศไทยไปสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศรอบใหม่และจะรุนแรงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

รัฐบาลไทยควรติดตามสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ