Think In Truth

'สุขภาพผู้ต้องขัง-ดูแลผู้พิการ-ช่วยสูงวัย' 7ข้อเท็จจริงหลังกำแพงอยากให้สังคมรับรู้



เรื่องที่ ๒ : สถานการณ์สุขภาพผู้ต้องขังและการดูแลผู้พิการเจ็บป่วยสูงอายุ

 “อโรคยา ปรมา ลาภา” เป็นพุทธพจน์ประโยคหนึ่งในภาษาบาลี แปลความหมายได้ว่า การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ เป็นสิ่งที่ทุกคนทุกเพศทุกวัยล้วนต้องการ ไม่เว้นแต่ผู้ต้องขังที่ใช้ชีวิตอยู่หลังกำแพงก็เช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยได้คือการสร้างเสริมป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพให้ลดน้อยลง โดยเฉพาะในผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ต้องขังพิการ เจ็บป่วย หรือสูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้การดูแลและเฝ้าระวังในเรื่องสุขภาพมากกว่ากลุ่มผู้ต้องขังทั่วไป

จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมดสองแสนกว่าคน (ข้อมูล ณ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๖)กรมราชทัณฑ์มีจำนวนผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย

  • ผู้ต้องขังสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป รวม ๖,๑๙๖ คน เป็นชาย ๕,๒๑๐ คน หญิง ๙๘๖ คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า ๗๐ ปี อยู่จำนวน ๑,๑๕๘ คน (ชาย ๙๙๘ คน หญิง ๑๖๐ คน) หรือเกือบ 20% จากประชากรผู้ต้องขังสูงอายุทั้งหมด โดยผู้ต้องขังชาย อายุมากที่สุด ๙๔ ปี ผู้ต้องขังหญิงอายุมากที่สุด ๘๗ ปี
  • ผู้ต้องขังพิการ (มีบัตรผู้พิการ) จำนวน 3,770 คน เป็นชาย 3,396 คน หญิง 374 คน
  • ผู้ต้องขังป่วยติดเตียง จำนวน 131 คน เป็นชาย 121 คน หญิง 10 คน
  • ผู้ต้องขังโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม(hemodialysis) หรือผู้ต้องขังที่บำบัดทดแทนไตด้วยการล้างไตทางช่องท้อง (continuous ambulatory peritoneal dialysis: CAPD)จำนวน 139 คน
  • ผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะแพร่กระจายหรือลุกลาม จำนวน 123 คน
  • ผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์สมองพิการ จำนวน 27 คน
  • ผู้ต้องขังภูมิคุ้มกันบกพร่องระยะที่มีโรคแทรกซ้อนแสดงอาการร้ายแรง จำนวน 84 คน
  • ผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 137 คน และเด็กติดมารดา 71 คน

กรมราชทัณฑ์ ได้กำหนดแนวทางการดูแลผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง ตั้งแต่แรกรับตัว โดยมีการคัดกรองผู้ต้องขังทุกรายทั้งในเรื่องโรคติดต่อ และโรคเรื้อรัง ซึ่งหากมีโรคประจำตัวเรื้อรังจะได้รับการตรวจรักษาและรับประทานยาต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดให้มีการแยกพื้นที่การควบคุมผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง ให้อยู่ในพื้นที่
ที่เจ้าหน้าที่สามารถให้การดูแลและเฝ้าระวังโรคได้อย่างใกล้ชิด มีการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรง และเสียชีวิต ผู้ต้องขังพิการ จะได้รับกายอุปกรณ์และจัดให้มีพื้นที่ที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์ เมื่อถูกควบคุมตัวจะได้รับการฝากครรภ์ และตรวจสุขภาพเป็นระยะจนถึงวันคลอด รวมทั้งมีการส่งเสริมเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สำหรับทารกจะได้รับการตรวจสุขภาพ และวัคซีน ซึ่งกลุ่มเปราะบางทุกคนจะได้รับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค
การตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็น ตามสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

แม้ว่ากรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการเรื่องการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังให้ครอบคลุมเพื่อลดความรุนแรงของการเจ็บป่วย หรือลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องได้รับการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจมากกว่าผู้ต้องขังทั่วไป แต่ข้อจำกัดในเรื่องความแออัดของจำนวนผู้ต้องขัง โครงสร้างทางกายภาพของเรือนจำ จำนวนเจ้าหน้าที่ต่อผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสังกัดของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งภายในเรือนจำผู้ต้องขังทั้งหมดต้องอาศัยสถานพยาบาลภายในเรือนจำเป็นหลักในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น หากผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง มีโอกาสในการกลับสู่สังคมได้เร็วขึ้น

โดยใช้รูปแบบการบริหารโทษแบบอื่นๆภายใต้ข้อกฎหมายที่กำหนด อาจส่งผลดีทางด้านจิตใจจากการได้รับการดูแลและได้รับกำลังใจจากครอบครัว รวมทั้งเข้ารับการรักษาตามระบบบริการสุขภาพจากหน่วยงานสาธารณสุขภายนอก