In Bangkok

กทม.บูรณาการเดินหน้าจัดระเบียบสังคม เร่งแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน



กรุงเทพฯ-นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวถึงการสนับสนุนการปฏิบัติตามนโยบายจัดระเบียบสังคมของกระทรวงมหาดไทย (มท.)โดยเฉพาะการปลอดจากปัญหายาเสพติดว่า สนอ.จัดทำพิกัดที่ตั้งสถานบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พร้อมแนวทางตรวจสอบ กำกับดูแลสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการโดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ศอ.ปส.กทม.) ประสานสำนักงานเขต 50 เขต ตรวจสถานบริการ/สถานบันเทิงในพื้นที่ และสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 46/2559 และ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการตรวจบังคับใช้กฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับผู้มาใช้บริการและประชาชนในพื้นที่

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน 2,008 ชุมชน สนอ.ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร(สำนักงาน ป.ป.ส.) และบช.น.รวมถึงเครือข่ายในชุมชนขับเคลื่อนโครงการในชุมชนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ชุมชนเข้มแข็งยั่งยืน เฝ้าระวัง ตั้งด่าน เดินเวรยาม เวทีประชาคม X-Ray ตรวจปัสสาวะ ประกอบด้วย 2 โครงการคือ โครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด 100 ตำบล ตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล (75 ชุมชน 11 แขวง 10 เขต) โดย บช.น.ดำเนินการระหว่างเดือน ธ.ค.66-มี.ค.67 และโครงการชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในพื้นที่กรุงเทพฯ (88 ชุมชน 48 เขต) โดย กทม.ดำเนินการระหว่างเดือน ก.พ.- ก.ค.67 กลุ่มที่ 2CBTxกองทุนแม่ของแผ่นดิน (271 ชุมชน 45 เขต) ชุมชนได้รับงบประมาณจากสำนักงาน ป.ป.ส.เฝ้าระวัง ตั้งด่าน เดินเวรยาม เวทีประชาคม สุ่มตรวจปัสสาวะ ดำเนินการระหว่างเดือน เม.ย.-ส.ค.67 และกลุ่มที่ 3 ชุมชนทั่วไป (1,582 ชุมชน 50 เขต) ดำเนินการตามสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในแต่ละชุมชนระหว่างเดือน ก.พ.-ส.ค.67

นอกจากนี้ สนอ.ยังได้ค้นหาผู้ใช้/ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เพื่อบำบัดรักษา ฟื้นฟู และดูแลอย่างครบวงจรผ่านกลไกต่างๆ อาทิ การดูแลผู้ติดยาเสพติดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBTx) การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดในสถานพยาบาล การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและการฟื้นฟูสภาพทางสังคม โดยดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการตามนโยบายการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดของนายกรัฐมนตรี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่ง กทม.กำหนดตัวชี้วัด (OKR) และโครงการ/กิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้บรรลุเป้าหมาย

ในส่วนของการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในกรุงเทพฯ จะได้รับการคัดกรองเพื่อจำแนกผู้ป่วยเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติด โดยจะให้การบำบัดตามสภาพการเสพติด แบ่งเป็น ผู้ใช้ ให้ความรู้ส่งเสริมสุขภาพ (Health Education and Promotion) ให้คำแนะนำแบบสั้น (Brief Advice : BA) และหรือการบำบัดแบบสั้น (Brief Intervention :BI) 1-2 ครั้ง (2) ผู้เสพ/ผู้ติด (ระยะเวลา 1 - 4 เดือน) กลุ่มแอมเฟตามีน (Amphetamine-type Stimulants : ATS) ยาอี ยาเคตามีน กัญชา สารระเหย กระท่อม แบบผู้ป่วยนอก ให้การบำบัดด้านจิตสังคม เป็นการบำบัดรักษาโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เน้นการให้คำปรึกษาแนะนำแบบรายบุคคล หรือรายกลุ่ม ทำกิจกรรมกลุ่มตามโปรแกรม อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แบบผู้ป่วยใน ให้การบำบัดแบบโปรแกรม The Winner House (ระยะ 2 - 4 เดือน) กลุ่มฝิ่น/อนุพันธ์ของฝิ่น แบบผู้ป่วยนอก ให้การบำบัดด้วยยาเมทาโดน โปรแกรมถอนพิษยา (Detox) และโปรแกรมเมทาโดนระยะยาว (Methadone Maintenance Therapy) ให้การบำบัดรักษาผู้ป่วย โดยการให้ยาเมทาโดนทุกวันๆ ละ 1 ครั้ง มีการแบบประเมินทางสังคม/ทางจิต ให้การปรึกษารายบุคคล (ทางสังคม/ทางจิต) อย่างน้อย ๑ ครั้งต/ดือน ทำกลุ่มกิจกรรมบำบัดอย่างน้อย ๑ ครั้ง/เดือน และตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดทุก ๒ สัปดาห์

ขณะเดียวกันกทม.ยังมีศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมตั้งอยู่ที่สำนักงานเขต ๕๐ แห่ง โดยมีหน้าที่และอำนาจในการสนับสนุนช่วยเหลือและสงเคราะห์ ดังนี้ (1) ด้านครอบครัวและชุมชน ส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ให้คำปรึกษาแนะนำแนะนำครอบครัวและคนใกล้ชิด ดูแลผู้ใช้ยาหรือผู้ผ่านการบำบัดรักษา ( 2) ด้านสวัสดิการสังคม และสังคมสงเคราะห์ ทุนประกอบอาชีพ ที่อยู่อาศัย ให้คำแนะนำในการฝึกอาชีพ/การให้ทุนประกอบอาชีพ/ที่อยู่อาศัย/การให้ความช่วยเหลือเงินสงเคราะห์  (3) ด้านการศึกษา ส่งต่อเข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาต่างๆ ตามความเหมาะสม และ (4) ด้านสาธารณสุขและสุขภาพให้ความรู้ เข้าถึงสิทธิ และรักษาพยาบาลต่อเนื่อง รวมทั้งส่งต่อเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป