In News

นายกฯแถลงผลประชุมครม.หลายประเด็น เรื่องที่ครม.เห็นชอบและข้อสั่งการต่างๆ



กรุงเทพฯ-นายกฯ สั่งการเร่งหาสาเหตุเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกากสารเคมี จังหวัดระยอง มอบหมาย รมว.อก. ดำเนินการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นหลัก สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดตรวจสอบบริษัททัวร์ให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่อยากให้กระทบกับภาพรวมของคนไทย เผย ครม. เห็นชอบหลักการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญเสนอ ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้ดำเนินเลือกสมาชิกวุฒิสภา และจัดทำร่างแผนการจัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา และ​นายกฯ แต่งตั้ง “ปานปรีย์” เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา เน้นดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกและข้อสั่งการก่อนการประชุม ครม.

วันนี้ (23 เมษายน  2567)  เวลา 11.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกากสารเคมี ในจังหวัดระยอง ว่ามีความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มีการสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ระดมกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม

นายกฯ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับให้ค้นหาสาเหตุว่ามีเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร หากเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการจงใจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ต้องดำเนินการเร่งด่วนในการจัดการสารเคมีวัตถุอื่น ๆ ที่มีการตกค้าง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน โดยได้มอบหมายให้  นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงอำนาจในการกำกับและดูแลการกำจัดกากของเสีย จากภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า รับทราบถึง ขบวนการทุนทัวร์จีนบุกเข้าตลาดในประเทศไทย และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบแล้ว รวมถึงชาวต่างประเทศที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยและดำเนินการทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองได้มีการไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ที่จังหวัดภูเก็ต โดยได้เน้นย้ำในเรื่องของการกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้เร่งตรวจสอบบริษัททัวร์ ที่ทำผิดกฎหมายและให้นำมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป แต่อย่างไรก็ตามยังมีบริษัททัวร์อีกมากที่ปฏิบัติตามกฎหมายเลยไม่อยากให้กระทบกับภาพรวมของคนไทย

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ตรงส่วนนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องมีการจับจ่ายใช้สอยต้องกินต้องใช้ ซึ่งโรงแรมเป็นของคนไทยก็มีอยู่เยอะ แน่นอนว่าอาจมีอยู่เพียงแค่ 1 – 2 % แต่ทางรัฐบาลก็ต้องมีการกวดขันใน 1 – 2 % เพื่อให้แน่ใจได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

นอกจากนี้ทางครม. เห็นชอบในหลักการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญเสนอ โดยที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นการทำประชามตินั้น เห็นควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จำนวน 3 ครั้ง และควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่จะช่วยส่งเสริมประชาชนแสดงเจตจำนงในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยตรง

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ครม. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ ร่างพระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้ดำเนินเลือกสมาชิกวุฒิสภา และจัดทำร่างแผนการจัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา  โดยที่จะประกาศวันกำหนดและวันที่รับสมัคร ในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ประกาศวันเลือก สมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 วันเลือกสมาชิกวุฒิสภาจังหวัด16 มิถุนายน พ.ศ. 2567  วันเลือก สมาชิกวุฒิสภาประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567 และกำหนดวันที่ประกาศผลเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยอาจส่งผลให้กระทบต่อประเทศไทยในหลายมิติ ทางด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม รวมถึงการดำเนินชีวิตของประชาชนบริเวณชายแดน ดังนั้น ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงได้ออกคำสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติแต่งตั้ง คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ซึ่งมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน เพื่อเป็นกลไกในการติดตามประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ ในภาพรวมรวมทั้ง ให้ความเห็นข้อเสนอแนะต่าง ๆ ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกที่จำเป็น

นายกฯ แจ้งข้อสั่งการก่อนการประชุม ครม. วันที่ 23 เมษายน 2567

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แจ้งข้อสั่งการ/นโยบายแก่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกฯ สั่งการให้กระทรวงยุติธรรม จัดกิจกรรมแสดงพลังในการทำความดีของกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ และผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมในลักษณะที่เป็นงานบริการสาธารณะ เพื่อชดเชยความเสียหายที่เคยได้กระทำ กลับคืนสู่สังคม เพื่อสนับสนุนการแสดงพลังในการทำความดี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมให้ประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กลุ่มผู้ต้องขังร่วมดำเนินกิจกรรม เช่น ปลูกป่า เก็บขยะพื้นที่ชายฝั่งทะเล ขุดลอกคูคลอง ท่อระบายน้ำ

นายกฯ ยังได้มอบหมายให้
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การเคหะแห่งชาติ ตรวจสอบความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงที่อยู่อาศัย และได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
- กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรวจสอบที่ดินบริเวณ ริมทางรถไฟและรถไฟฟ้าที่มีความเหมาะสมกับการสร้างที่อยู่อาศัย และ
- กระทรวงการคลัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ศึกษาแนวทางในการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ทั้งนี้ นายกฯ ในฐานะ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา เพื่อเป็นกลไกในการติดตาม ประเมิน และวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพรวม รวมทั้งให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ให้ไทยสามารถดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุกที่จำเป็น