In News
นายกฯยันต่อสภา'คอลฯ-ยา'ไม่จบไม่เลิก ยิ้มสู้พร้อมตอบทุกคำถามในศึกซักฟอก

นายกฯ แพทองธาร ชี้แจงกระทู้สด รับปาก ‘สภาฯ’ แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ - ยาเสพติด ไม่จบไม่เลิกแน่นอนและยืนยันพร้อมชี้แจง ตอบศึกซักฟอกของฝ่ายค้านทุกข้อกล่าวหา ย้ำพรรคร่วมพร้อมสนับสนุนชี้แจงหากเกี่ยวข้องกับกระทรวงที่ดูแล
วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) ในช่วงเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในทุกวันพฤหัสจะเป็นกระทู้ถามสด ซึ่งถามโดยนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีตอบกระทู้ถามสดว่า
(1) ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ ที่แพร่หลายทุกสังคม จังหวัด และส่งผลกระทบไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงทั่วโลกที่เผชิญปัญหาในทุกพื้นที่ จึงต้องให้ความสำคัญ ตนได้รับข่าวสารจำนวนมากว่าแก๊งคอลเซ็นตอร์หลอกหลวงประชาชนจนหมดตัว และบางคนจบชีวิต และคิดทำร้ายคนอื่นเพื่อแก้หนี้สิน ทำให้เป็นปัญหาต่อเนื่องถึงยาเสพติดและความไม่สงบสุข และเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ได้สั่งการทันทีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น กระทรวงดีอี ธปท. กสทช. ปปง. ดีเอสไอ สตช. ความมั่นคง ช่วยดูแลอย่างบูรณาการ ไม่สามารถทำโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งได้ การคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมืออย่างบูรณาการ ต้องใช้รัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อหาทางออกร่วมกัน
(2) ในการแก้ปัญหาร่วมกัน ที่ผ่านมารัฐบาลจัดศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อบูรณาการทั้งหมด รับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงปิดบัญชีม้า รวม 1.92 ล้านบัญชี และมีการติดตาม
(3) มีมาตรการธนาคารยกระดับการเปิดบัญชีใหม่กับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง และได้ยกร่าง พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. .. ซึ่งมีสาระสำคัญ เพิ่มอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา กำหนดความผิดกับผู้ที่นำข้อมูลประชาชนไปขาย และมีบทความรับผิดชอบของสถาบันการเงินที่ไม่ระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น
(4) “สำหรับชายแดน ได้ให้หน่วยงานความมั่นคงซีลพื้นที่ โดยทำงานร่วมกับกับทหารและฝ่ายปกครอง แก้ปัญหาให้เข้มข้น จับกุมขบวนการการค้ามนุษย์ที่ผ่านแดนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนั้น ยังตรวจค้นทำลายแหล่งส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ผิดกฎหมาย รวมไปถึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานหน่วยงานต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งมีระบบไตรภาคี ระหว่างไทย จีน เมียนมา เพื่อช่วยเหลือในการแก้ปัญหา”
(5) สำหรับผู้ต้องสงสัยที่จับได้ คัดกรองและส่งตัวไปดำเนินการกฎหมาย มีการส่งตัวและเก็บข้อมูลเพื่อติตตามเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งต้องทำให้ครบทั้งหมด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาให้ได้
(6) การแก้ปัญหาที่ได้ผล คือ การตัดไฟ และหยุดส่งน้ำมัน ซึ่งต้องสั่งการทันที เพื่อให้การแก้ปัญหาลดลง ถือว่ารัฐบาลได้รับความร่วมมือ และมีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์
การตัดไฟฟ้า และน้ำมัน สถานที่ทำการของอาชญากรรมข้ามชาติ พบการใช้ไฟน้อยลง มีการย้ายอุปกรณ์ และคนออกจากพื้นที่ รวมถึงพบการหยุดก่อสร้างขนาดใหญ่ในฝั่งเมียวดี เมียนมาด้วย ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่ากลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติปิดตัวลง หรือลดขนาดลง รวมทั้งยังพบการลักลอบนำน้ำมันเข้าประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ไทยจับกุม 17 ครั้ง รวม 8,000 ลิตร
(7) “วันที่ 28 ก.พ. จะไป จ.สระแก้ว เพื่อไปติดตามสิ่งที่สั่งการ อาทิ การลดเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต ปราบปรามซิมบ็อกซ์ ระงับไว-ไฟคอลลิ่ง จากประเทศเพื่อนบ้าน จัดระเบียบผู้ซื้อผู้ให้บริการไลเซ่นส์โทรคมนาคม ที่ผ่านมา 100 ล้านบาทต่อวัน แต่ตอนนี้ 50 ล้านบาทต่อวัน ทั้งนี้ตั้งใจจะลดลง หากได้รับความร่วมมืออย่างบูรณาการ จะทำให้การแก้ปัญหาหมดไปแน่นอน”
(8) ทราบดีถึงการมีผู้อิทธิพล นักการเมือง นายทุน ข้าราชการที่มีอิทธิพล ขอให้คำมั่นกับสภาฯ จะจัดการเรื่องนี้จริงจัง และขอให้มั่นใจ ไม่ว่าใคร ตำแหน่งสูงใหญ่ ทำผิดเรื่องดังกล่าว ทำให้คนไทยเดือดร้อน จะจัดการอย่างเด็ดขาด และมั่นใจว่าจะทำได้อย่างเต็มที่
“เป็นนายกฯ ของคนไทย ต้องดูแลคนไทยก่อน เรื่องคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด หากไม่จบ ไม่เลิกแน่นอน”
นายกฯยืนยันพร้อมชี้แจง ตอบศึกซักฟอกของฝ่ายค้านทุกข้อกล่าวหา
นางสาวแพทองธาร ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พุ่งเป้าไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวว่า ทราบข่าวมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่การเดินทางเข้าสภาฯ ในวันนี้ ได้วางแผนไว้แล้วตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ว่าจะเดินทางเข้าวันไหน แต่วันนี้บังเอิญตรงกับวันที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีภารกิจ แต่ก็หาเวลาว่างเพื่อที่จะเข้าสภาฯ ดังนั้น วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดี พร้อมกล่าวยอมรับว่า ไม่เกินความคาดหมายที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าอภิปรายมาที่ตนเอง ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน ซึ่งเคยพูดคุยกันแล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้ ส่วนการรับประทานอาหารค่ำกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีรายชื่อว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีถึง 10 คนนั้น ตนเองก็ทราบรายงานตามข่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง กรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติในหัวข้อ “ไม่ซื่อสัตย์สุจริต” ว่า ตนเองจะตอบได้ทุกข้อ แต่ถ้ามีเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงไหน ก็จะให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงนั้นเป็นคนตอบ เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจน แต่ยืนยันว่า ตนเองพร้อมตอบอยู่แล้ว ส่วนญัตติของฝ่ายค้านรุนแรงหรือไม่ ที่กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีวุฒิภาวะเป็นผู้นำ ทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสีย และต่างชาติไม่เชื่อมั่น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดูข้อมูลว่าต่างชาติไม่เชื่อมั่นอย่างไร ส่วนตัวเข้าใจ เพราะตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา เคยเป็นฝ่ายค้านมาร่วมกัน ดังนั้น จะตอบข้อสงสัย และจะตอบทุกข้อกล่าวหา พร้อมกล่าวยอมรับว่า จะตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยดูเรื่องการอภิปราย ซึ่งในวันที่พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล หากประเด็นไหนเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีท่านใดก็จะให้ช่วยตอบ เชื่อว่าทุกกระทรวงต้องการตอบ เพราะเป็นผลงานของแต่ละคน ส่วนเรื่องอื่นก็จะดูที่หน้างาน ยังไม่ทราบว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ในหน้างานอาจจะมีหลายรูปแบบที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ปล่อยลอยแพตนเอง โดยได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือกับทุกคนแล้ว ว่าเป็นมือใหม่ยังไม่เคยโดนอภิปรายมาก่อน ดังนั้น ทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุน ถือเป็นกำลังใจ แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะได้พูดคุยน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อได้พูดคุยแล้ว ก็ได้รับการสนับสนุนและได้รับความอบอุ่น ความน่ารัก จากหัวหน้าพรรคทุกคน ถือเป็นกำลังใจอย่างมาก