Digitel Tech & AI

'ชไนเดอร์อิเล็คทริค'มอบ5รางวัลต้นแบบ องค์กรชั้นนำไทยลดปล่อยคาร์บอน



 

กรุงเทพฯ-ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ เดินหน้าขับเคลื่อนพันธมิตรสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อเนื่อง มอบ 5 รางวัลองค์กรขนาดใหญ่ไทย ผู้ชนะระดับประเทศ “Schneider Electric Sustainability Impact Awards 2024”

โครงการ Schneider Electric Sustainability Impact Awards เปิดตัวครั้งแรกในปี 2565 เพื่อเชิดชูเกียรติแก่พันธมิตรในระบบนิเวศของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่มีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ยั่งยืนและใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดปี 2567 ที่ผ่านมา มีองค์กรชั้นนำสมัครเข้าร่วม 453 รายการ จากพันธมิตรของลูกค้าและซัพพลายเออร์ที่เข้าร่วมโครงการ Zero Carbon ขณะที่เกณฑ์การสมัครและการคัดเลือกยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางแบบบูรณาการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพื่อสนับสนุนการความยั่งยืนและความพยายามในการสร้างอนาคตของไฟฟ้า 4.0 ผ่านแนวคิดหลัก 3 ประการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรผู้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเชิงบวก หรือ Impact Makers ได้แก่ Strategize, Digitize และ Decarbonize

สำหรับประเทศไทยมี 5 องค์กรชั้นนำที่ผ่านการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะระดับประเทศ ดังนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจในกระทรวงพลังงาน ที่รับผิดชอบด้านการผลิตและส่งไฟฟ้าของประเทศไทย มีบทบาทสําคัญในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ สร้างความสมดุลระหว่างมิติทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างความยั่งยืน

“กฟผ.เรามีความมุ่งมั่นในเรื่องของความยั่งยืน การรักษาความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า รวมถึงการเพิ่มแหล่งพลังงานสะอาด ให้กับประเทศไทย เรามีแผนในการพัฒนาระบบฟ้าให้ยืดหยุ่น หรือ Grid Modernization เพื่อรองรับการเข้ามาของพลังงานสะอาดในอนาคต โดยเรามีศูนย์ควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อบริหารจัดการความต้องการการใช้ไฟฟ้า และในกรณีของ แม่เมาะเมืองน่าอยู่ ก็เป็นตัวอย่างสำคัญที่เราเข้าไปสร้างความยั่งยืนให้กับคนในชุมชนผ่านโครงการต่างๆ เพื่อรองรับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจหลังจากการลดปริมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์ลง” นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าว

บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดําเนินธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม อาทิ เกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร  ค้าปลีก โทรคมนาคม และอีคอมเมิร์ซและดิจิทัล ซึ่งมีดําเนินงานใน 21 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืน ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความก้าวหน้าอย่างมากในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ด้วยการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในธุรกิจเกษตรและค้าปลีก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้พลังงานสูง

“ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ การมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งอย่างชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราได้นำนวัตกรรม เทคโนโลยี โซลูชั่นมาใช้ทำงานร่วมกันในกระบวนการจัดการพลังงาน โดยเราขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมียุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนที่เรียกว่า Heart Health Home เป็นหัวใจในการขับเคลื่อน เพื่อเชื่อมโยงและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ซึ่งสามารถนำไปสู่เป้าหมายหลักของเราคือ Net Zero” ดร. ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารความยั่งยืนขององค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าว

บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์อันดับ 1 ของประเทศไทย ประสบความสําเร็จในการปรับใช้โซลูชั่นของชไนเดอร์ อิเล็คทริคเพื่อเพิ่มศักยภาพการดําเนินงานและความยั่งยืนของดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการจัดการพลังงานและระบบทําความเย็นเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรับประกันความน่าเชื่อถือของระบบโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับ 2 โครงการสําคัญที่โดดเด่น ได้แก่ โครงการการจัดการโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ (DCIM) และโครงการระบบทําความเย็นที่ขับเคลื่อนด้วย AI

“เรามีเป้าหมายที่จะนำพาอุตสาหกรรมดิจิทัลอินฟราสตรัคเจอร์ของประเทศไทยสู่ Net Zero เราได้วางแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนใน 3 ด้าน คือ ด้านการวางกลยุทธ์ ด้านการปรับใช้นวัตกรรมดิจิทัลและด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Sustainability Impact Awards 2024 ครั้งนี้ และเราสัญญาว่า เราจะยังคงมองหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียนของเราบรรลุเป้าหมาย

ได้อย่างแท้จริง ” นายเสน่ห์ ผิวรัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าว

บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรที่เดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน พร้อมส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมสําหรับคนรุ่นต่อไป โดยลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงานที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และได้ร่วมมือกับ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งสู่ความยั่งยืนในระยะยาวของระบบไฟฟ้า เช่น BlokSet, PIX, NEX, BIOSCO, RMU, Busway, Sourcing and Supply และอื่นๆ

“เรามีการจัดตั้งอาซีฟาอคาเดมีเพื่อเป็นตัวกลางในการมอบและส่งต่อความรู้ แนวทางการบริหารจัดการซัพพลายเออร์เกี่ยวกับความสามารถในการเพิ่มความปลอดภัยและการบริหารจัดการด้านพลังงานเพื่อให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสินค้าและบริการที่เรามีเป็นระบบออโตเมชั่นที่ช่วยให้การจัดการต่างๆ ช่วยลดต้นทุนและพลังงานได้” นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) กล่าว

และบริษัท คอมพลีท อิเล็คทริเคิล โซลูชั่นส์ จำกัด เป็นผู้เชื่อมต่อระบบของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มานานกว่าสองทศวรรษ โดยเชี่ยวชาญในกลุ่มโรงแรมและการบริการ โดยใช้ Schneider Electric guestroom management solutions หรือ GRMS เป็นระบบจัดการการใช้พลังงานในห้องพัก ซึ่งช่วยลูกค้าในกลุ่มนี้สามารถบรรลุเป้าหมายการประหยัดพลังงาน การลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มศักยภาพด้านจัดการต้นทุน เมื่อมีการใช้ร่วมกับ Hotel room controller หรือ HRC ซึ่งเป็นระบบควบคุมห้องพักในโรงแรม สามารถประหยัดพลังงานระหว่างที่ห้องว่าง รักษาสภาพห้องที่ดี ตอบสนองความสะดวกสบายของผู้เข้าพักและเมื่อมีการเชื่อมต่อผ่าน AS-P (Automation Server) กับเวิร์กสเตชั่น EBO (EcoStruxure Building Operation) ทำให้การประมวลผลข้อมูลดิจิทัลทั้งหมดสามารถตรวจสอบและควบคุมในหลายวัตถุประสงค์ได้

“เราให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี โดยนำเสนอผ่านโซลูชั่นไปยังลูกค้าและพาร์ทเนอร์ รวมถึงผู้ใช้งาน ในเรื่องการประหยัดพลังงานโดยใช้ระบบบริหารจัดการอาคาร และระบบบริหารจัดการพลังงานในห้องพักโรงแรม โดยเราเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความยั่งยืนแบบองค์รวมทั้งเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน” ดร.ประเสริฐ สุทธิปริญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมพลีท อิเล็คทริเคิล โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าว

ทั้งนี้รางวัล Schneider Electric Sustainability Impact Awards 2024 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของการร่วมมือระหว่างลูกค้า คู่ค้าตลอดจนซัพพลายเออร์กับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่แสดงจุดยืนและความมุ่งมั่น ในการเป็นผู้นําด้านความยั่งยืน รวมถึงเปิดการมองเห็นสู่สายตาของทั่วโลกที่อาจนําไปสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และสะท้อนถึงการร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์