In Global

จากความรักของแม่...สู่ 'ผู้นำ'ที่มีหัวใจเพื่อ ประชาชนของ 'สี จิ้นผิง'



ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ขณะที่สี จิ้นผิงทำงานอยู่ที่เจิ้งติ้ง มณฑลเหอเป่ย เขาพักอยู่ในสำนักงานของคณะกรรมการพรรคประจำเจิ้งติ้ง  สำนักงานนั้นเป็นอาคารเก่า ค่อนข้างชื้น สีจิ้นผิงจึงมักจะนำที่นอนออกมาตากแดดเป็นประจำ ที่นอนผืนหนึ่งของเขาที่เต็มไปด้วยแผ่นปะหลากสี สะดุดตาใครหลายคน

“เจ้าหน้าที่ในสำนักงานต่างสงสัยและพากันนับแผ่นปะบนที่นอน บางคนบอกว่ามีมากกว่าร้อยจุด แต่ไม่มีใครกล้ายืนยันแน่นอน” เหอ อวี้ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการเขตเจิ้งติ้งกล่าวถึงที่นอนผืนนั้น  ภายหลังทุกคนจึงทราบว่า ที่นอนเก่านั้นเย็บขึ้นจากเสื้อผ้าเก่า สีจิ้นผิงปฏิเสธเมื่อเจ้าหน้าที่จะซื้อผ้าผืนใหม่มาให้ โดยกล่าวว่า “ไม่ต้องครับ ผืนนี้ยังดีอยู่เลย”

ที่แท้ ที่นอนผืนนี้เป็นผลงานของแม่คือ “ฉีซิน” ที่เย็บด้วยมือทีละฝีเข็มด้วยความรัก ตั้งแต่สี จิ้นผิงเดินทางไปเป็นเยาวชนอาสาในชนบทมณฑลส่านซีตอนอายุไม่ถึง 16 ปี เขาก็หอบผืนนี้ติดตัวไปด้วย  ที่นอนที่เย็บจากเศษผ้าเก่านี้ สะท้อนสายใยแห่งความรักระหว่างแม่ลูก  ในยุคสมัยที่ต้องใช้แผ่นปะซ้อนแผ่นปะ ความรักที่เย็บลงไปทีละฝีเข็มนั้นไม่ใช่แค่ความคิดถึงและห่วงใยจากแม่ แต่ยังเป็นกำลังใจและความผูกพันทางจิตใจที่ยาวนาน  ความรักของแม่ละเอียดอ่อน และซึมซาบอยู่ในชีวิตของสี จิ้นผิงตลอดมา มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อทัศนคติและการใช้ชีวิตของเขา

ในทศวรรษ 1970 ระหว่างที่สี จิ้นผิงกำลังเป็นเยาวชนอาสาในหมู่บ้านเหลียงเจียเหอ มณฑลส่านซี ฉีซินขณะนั้นก็กำลังทำงานอยู่ที่มณฑลเหอหนาน พร้อมกับลูกชายคนเล็ก ส่วนลูกสาวอีกสองคนอยู่ในกองพลการผลิต  ด้วยความคิดถึงลูก ๆ ฉีซินจึงใช้เวลาวันหยุดเดินทางไปเยี่ยมลูกถึงมณฑลซานซี ส่านซี และมองโกเลียใน แม้จะต้องใช้เงินเดือนอันน้อยนิดไปกับค่าเดินทาง และต้องยืนตลอดทางเพราะไม่มีที่นั่ง เธอก็ยินดี ชีวิตที่ต้องอยู่ห่างกันเป็นส่วนใหญ่ เป็นเรื่องปกติของสี จิ้นผิงกับแม่ของเขา แต่ความรักของแม่ไม่เคยลดน้อยลงแม้จะห่างไกลกันก็ตาม

ในฤดูร้อนปี 1975 ฉีซินส่งลูกชายคนเล็ก “สี หย่วนผิง” ไปเยี่ยมพี่ชายที่ส่านซี พร้อมกับกำชับว่า “ผืนแผ่นดินที่พี่ของเธออยู่ เป็นสถานที่ที่หล่อหลอมให้เราเติบโต เธอควรไปเรียนรู้บ้าง”

ฉีซินผ่านประสบการณ์อันหนักหนาในแนวหน้าช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น และใช้เวลาหลายปีทำงานระดับรากหญ้าในชนบทของเขตชายแดนส่านซี กานซู่ หนิงเซี่ย สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอผูกพันลึกซึ้งกับชาวบ้าน และส่งผลถึงแนวคิดในการเลี้ยงดูลูก

ในช่วงที่อยู่เหลียงเจียเหอ สี จิ้นผิงกินอยู่กับชาวบ้าน ทำงานสารพัด ตั้งแต่เลี้ยงแกะ ตัดหญ้า แบกขี้วัว ไปจนถึงลากถ่านหิน เขาเขียนไว้ในบทความ “ข้าคือบุตรแห่งผืนดินเหลือง” ว่า “ชีวิตที่ลำบาก 7 ปีในชนบทเป็นบทฝึกฝนสำคัญ สิ่งที่ได้มากที่สุดมีสองอย่าง หนึ่งคือเข้าใจว่า ‘ความเป็นจริง’ และ ‘ประชาชน’ คืออะไร สองคือสร้างความมั่นใจในตนเอง”

สำหรับฉีซิน ความห่วงใยที่ยิ่งใหญ่คือการอบรมลูกหลาน เธอเคยกล่าวว่า “ถ้าลูกมีปัญหา พ่อแม่ไม่มีทางปฏิเสธความรับผิดชอบนั้นได้”

แม่ของสี จิ้นผิงยังเป็นแบบอย่างของความเข้มงวด เมื่อสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งผู้นำมากขึ้น เวลาที่อยู่กับครอบครัวก็ลดน้อยลง ฉีซินจึงเขียนจดหมายถึงเขาบ่อยครั้ง นอกจากห่วงใยเรื่องสุขภาพแล้ว ยังเน้นให้เขายึดมั่นในความซื่อตรง เธอเคยจัดประชุมครอบครัวขึ้นมาเอง เพื่อกำชับลูก ๆ คนอื่นไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจในสายงานที่สี จิ้นผิงรับผิดชอบอยู่  คำสอนและตัวอย่างของแม่ เป็นรากฐานของความซื่อตรงของสี จิ้นผิงในฐานะข้าราชการ

เขาเคยกล่าวว่า “หากใครต้องการแค่ความสบาย นั่นเป็นความใฝ่ฝันที่ธรรมดาเกินไป ผมพร้อมจะเข้าสู่ ‘ทะเลแห่งความทุกข์’”

ในระหว่างที่ทำงานในท้องถิ่น สี จิ้นผิงไม่อนุญาตให้ใครอ้างชื่อเขาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และเปิดรับการตรวจสอบจากประชาชน

หลังจากดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาผลักดันการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง และกล่าวกับกลุ่มข้าราชการระดับเขตว่า “ถ้าจะเป็นข้าราชการ ก็อย่าหวังร่ำรวย หากอยากร่ำรวย ก็อย่ามาเป็นข้าราชการ” ความเข้มงวด ประหยัด และความใส่ใจในประชาชน เป็นคำสอนจากแม่ที่เขาสืบทอดมา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิงไม่เคยลืมคำสอนของแม่ และยึดมั่นในเจตนารมณ์ตั้งแต่ยังหนุ่ม

เมื่อปี 1969 ตอนที่สี จิ้นผิงยังเป็นวัยรุ่น แม่ได้เย็บถุงเข็มด้ายให้ โดยปักคำว่า “ใจของแม่” ด้วยด้ายสีแดง ความรักของแม่เหมือนสายฝนที่ซึมลึกลงดิน อย่างเงียบงัน แต่ชุ่มชื่นและมั่นคง

แหล่งข้อมูล: https://news.cctv.com/2025/05/10/ARTIY3mVIivRZzBGFhhK2YCL250509.shtml?spm=C96370.PW8IYPX3ODYg.EWYFWMDnClA7.11