Digitel Tech & AI
PwCคาดการนำAIมาใช้อาจเพิ่มGDP โลกอีก15% ภายในปี2578

กรุงเทพฯ, 15 พฤษภาคม 2568 – งานวิจัยใหม่ของPwC เผยให้เห็นว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI)มีศักยภาพในการเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 15% ในทศวรรษหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตต่อปีประมาณ 1% เทียบเท่ากับการเติบโตที่โลกเคยประสบในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19
รายงานValue in Motionของ PwC ซึ่งอิงจากการวิเคราะห์สถานการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลชี้ให้เห็นว่าศักยภาพของAIในการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น ไม่สามารถรับประกันได้และไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ การกำกับดูแลที่่ชัดเจน และความไว้วางใจจากทั้งสาธารณชนและองค์กร ในสถานการณ์อื่น ๆ ที่ PwC วิเคราะห์ เช่นในกรณีที่ความไว้วางใจและความร่วมมืออยู่ในระดับต่ำการกระตุ้นเศรษฐกิจโลกที่ขับเคลื่อนด้่วยAI จะอยู่ที่8% หรือในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจอยู่ที่เพียง 1% เท่านั้น
ผลการวิจัยยังพบว่าการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วได้เกิดขึ้นแล้วโดยการวิเคราะห์ของ PwCระบุว่าแรงกดดันให้ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนตัวเองนั้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมาใน 17 จาก 22 ภาคส่วนทั่วโลกโดยมีรายได้มากถึง 7.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะถูกเปลี่ยนแปลงไประหว่างบริษัทต่าง ๆในปี 2568 เพียงปีเดียวแม้กระทั่งก่อนการปรับขึ้นภาษีศุลกากรทั่วโลกที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
การวิจัยของ PwC แสดงให้เห็นว่า ในทศวรรษหน้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะปรับโครงสร้างใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในรูปแบบใหม่ นำไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘โดเมน’ ใหม่ ๆ ที่ข้ามอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า กำลังนำผู้ให้บริการไฟฟ้า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ บริษัทเทคโนโลยี และอื่น ๆ เข้าสู่โดเมนการขับเคลื่อน(mobility domain) ทำให้พวกเขาสามารถสร้างมูลค่าใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับผู้ผลิตยานยนต์ได้
นายโมฮัมเหม็ดคานเดประธานระดับโลกของ PwC กล่าวว่า: “เมื่อโครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปคุณค่าใหม่จะมาจากองค์กรที่สามารถเชื่อมโยงจุดต่าง ๆข้ามขอบเขตอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมได้เพิ่มขึ้นผู้นำธุรกิจสามารถปลดล็อกการเติบโตโดยมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ”
ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ
การวิเคราะห์ของ PwC แสดงให้เห็นว่าแม้AI จะมีแนวโน้มที่ช่วยเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ต้นทุนที่เกิดจากภัยคุกคามทางกายภาพจากสภาพภูมิอากาศอาจสร้างข้อจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แบบจำลองทางเศรษฐกิจของ PwCชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงทางกายภาพจากสภาพภูมิอากาศอาจทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวเกือบ 7% ภายในปี 2578เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ไม่มีภัยคุกคามดังกล่าว
ทั้งนี้ การใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ศูนย์ข้อมูล (deta centres) ใช้พลังงานมากขึ้น แต่หากมีการใช้งานAI อย่างมีประสิทธิภาพก็อาจสามารถชดเชยการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ โดยPwC ประมาณการว่าการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก AI จะสมดุล หากการใช้AI เพิ่มขึ้นทุก ๆ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมที่ลดความเข้มข้นของพลังงานลง 0.1%
PwC ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าปลดล็อกและปกป้องคุณค่าในขณะที่เทคโนโลยีและเมกะเทรนด์อื่น ๆ ยังคงเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง PwC ได้เปิดเผยแนวทางการดำเนินงานในหลายด้านเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปลดล็อกคุณค่าของ AI ในระดับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึง:
- ระบบปฏิบัติการตัวแทน (agent OS) ของ PwC: ระบบปฏิบัติการตัวแทนของ PwC ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการ AI ในระดับที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเชื่อมต่อและปรับขนาดตัวแทนอัจฉริยะให้เข้ากับเวิร์กโฟลว์สำหรับธุรกิจได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่าแนวทางเดิมถึง 10 เท่านอกจากการนำเสนอระบบปฏิบัติการตัวแทนนี้ให้กับลูกค้าแล้วเครือข่ายของ PwC ยังนำมาใช้ในกระบวนการภายในองค์กรเองด้วยโดยมีการปรับใช้ตัวแทน AI หลายร้อยตัวสำหรับงานเฉพาะด้าน ซึ่งรวมเข้ากับเวิร์กโฟลว์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในด้านภาษี การตรวจสอบบัญชีและการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า
- ความเชี่ยวชาญด้าน AI:ในแต่ละเดือน พนักงานPwC หลายหมื่นคนเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมที่อัปเดตเป็นประจำผ่าน Network AI Academy โดยในปัจจุบัน หุ้นส่วนและพนักงานของ PwCเข้าร่วมการฝึกอบรมด้านAI ที่มีโครงสร้างแล้วกว่า 291,000 คน
- พันธมิตรทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ:ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา PwC ได้เปิดตัวความร่วมมือใหม่กับพันธมิตรที่มีอยู่แล้วได้แก่AWS, Google Cloud, MicrosoftและOracleโดยเป็นการเพิ่มความร่วมมือที่มีอยู่แล้วของ PwC ซึ่งยังรวมถึงAdobe, Anthropic, Guidewire, OpenAI, SAP, Salesforce และWorkday เป็นต้น
เครือข่ายของ PwCยังขยายขีดความสามารถในการแปลข้อมูลเชิงลึกเฉพาะอุตสาหกรรมให้กลายเป็นผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจที่เป็นรูปธรรมสำหรับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วรวมถึงการเปิดตัวเครื่องมือ GenAI ที่ได้รับรางวัล CIO 100 อย่างChatPwCซึ่งขณะนี้มีข้อมูลเฉพาะวิธีการ และการวิจัยที่หลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อให้ทีมลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดของ PwC ได้
นอกจากนี้ Industry Edge ซึ่งเป็นพอร์ตโฟลิโอของ PwC ยังได้เปลี่ยนรายงานValue in Motionและงานวิจัยที่เป็นกรรมสิทธิ์อื่น ๆ ให้กลายเป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงโดย Industry Edge สนับสนุนข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมกระบวนการโมเดลเทคโนโลยีและข้อมูลและตัวเร่ง AI เพื่อส่งมอบการเปลี่ยนแปลงเฉพาะอุตสาหกรรมยิ่งไปกว่านั้น PwC ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการเรียนรู้อัจฉริยะใหม่ทั่วทั้งเครือข่ายโดยผสมผสานกรอบทักษะคำแนะนำการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และประสบการณ์การโค้ชแบบสนทนาเข้าเป็นประสบการณ์การเรียนรู้แบบรวมศูนย์และเป็นส่วนตัว
PwC ยังได้ปรับปรุงภาพลักษณ์ของแบรนด์ อัตลักษณ์ทางภาพและทางวาจา เพื่อสะท้อนบทบาทของบริษัทที่มีต่อลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยนำความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีมาช่วยให้ลูกค้าสร้าง รักษา และเร่งการเติบโตได้การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงภาพลักษณ์และโลโก้ใหม่ที่มาพร้อมกับ ‘เครื่องหมายแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง’ หรือ ‘Momentum Mark’ซึ่งแสดงถึงการร่วมมือระหว่าง PwC และลูกค้าในการขับเคลื่อนองค์กรของพวกเขาให้ก้าวไปข้างหน้า
นางสาวแคโรลสตับบิงส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพาณิชย์ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า:“เป็นเวลา 175 ปีแล้วที่ PwC ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถมอบความสามารถที่ลูกค้าของเราต้องการได้ ด้วยการพัฒนาความสามารถและอัตลักษณ์ทางธุรกิจ เราสามารถช่วยให้ลูกค้าสร้างแรงขับเคลื่อนที่จำเป็นในการสร้างคุณค่า สร้างความไว้วางใจ และเผชิญอนาคตด้วยความมองโลกในแง่ดีได้”