In News
นายกฯปลื้มสตช.เอาจริง! 'ถนนปลอดภัย' สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับนทท.ต่างชาติ

กรุงเทพฯ-นายกฯ ชื่นชมโครงการถนนปลอดภัย สั่งการ ตร. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเป้าหมาย เพิ่มความปลอดภัยให้กับ ปชช. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสายตาชาวต่างชาติ ขณะที่เมืองพัทยา ตำรวจขานรับนโยบาย กวดขัน ตักเตือน จับกุมต่อเนื่อง
วันนี้ (2 มิ.ย. 68) เวลา 08.15 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้า ตามข้อสั่งการในการแก้ไขการละเลยกฎจราจร การรักษากฎระเบียบวินัยการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ในการดำเนินโครงการถนนปลอดภัย” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ดำเนินคิกออฟ ตามข้อสั่งการ เมื่อวานนี้ (วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน )ทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของสหประชาชาติด้านความปลอดภัยทางถนน (UN Secretary General’s Special Envoy for Road Safety) ที่ต้องการยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนของไทย เนื่องจากยังคงเผชิญกับอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในระดับสูง โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 80% ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งบริหารงาน ด้านการจราจร ได้รายงานผลการปฏิบัติงานของ กองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการฯ โดยรายงานว่า มีถนนเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 95 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็นพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 11 จุด ตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 9 จุด ตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 9 จุด ตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 10 จุด ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 13 จุด ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 8 จุด ตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 9 จุด ตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 9 จุด ตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 8 จุด และตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 8 จุด ซึ่งแต่ละพื้นที่ได้ให้ความสำคัญต่อข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่
คณะทำงานฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่รณรงค์ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1-2 ตามนโยบายของรัฐบาลในเมืองท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ บางแสน บางละมุง และพัทยา พบว่าที่เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ได้เคร่งครัดในการรณรงค์ เรื่องการสวมหมวกกันน๊อคและการฝ่าฝืนสัญญาณจราจร โดยคณะทำงานได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองพัทยา กวดขันจับกุมและพบเห็นระดับ ผกก.สถานีตำรวจภูธร พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ลงพื้นที่อำนวยการด้วยตนเองซึ่งนับเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตอบรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและผบ.ตร.อย่างแข็งขัน
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวได้บูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ร่วมรับผิดชอบ อาทิ กรมทางหลวง กรุงเทพมหานคร สำนักการโยธา กรมทางหลวงชนบท เทศบาล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด มุ่งเป้าลดการเกิดอุบัติเหตุจราจร สร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนทุกคนที่เดินทางสัญจรบนท้องถนน และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีออกไปสู่สายตาชาวต่างชาติ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ขอเชิญชวนประชาชนร่วมใจกันตระหนักถึงความปลอดภัยจากการสวมหมวกนิรภัยว่าสามารถช่วยลดการบาดเจ็บหรือลดการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญคือ การปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 122 ที่กำหนดไว้ว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และมีโทษปรับเป็น 2 เท่า หากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกนิรภัย" นายจิรายุ ระบุ