Biz news

7เคล็ดลับฉลาดลงทุนคริปโตเพื่อมือใหม่ สร้างพอร์ตแกร่งแม้ตลาดผันผวน



คริปโทเคอร์เรนซีเติบโตจากที่เคยเป็นแค่ความสนใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ ปัจจุบันก้าวสู่เฟส mass adoption ในประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย เราเห็นการเปิดรับจากนักลงทุนมากขึ้นกับตลาดนี้ ด้วยแรงดึงดูดของผลตอบแทนที่รวดเร็วชวนให้หลายคนสนใจเข้ามา “High Risk, High Return” คำนี้ไม่เกินจริง แล้วถ้าคุณเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ควรวางแผนการลงทุนอย่างไร? 

BINANCE TH ชวนทุกคนมาจัดกระบวนทัพการลงทุนผ่านการเรียนรู้แบบมีกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับความเสี่ยง และสร้างพื้นฐานการลงทุนที่มั่นคงในสินทรัพย์ดิจิทัล

1. DYOR: รู้จักคริปโต และอีโคซิสเต็มให้ดีก่อนลงทุน

เริ่มจากการรู้จักสิ่งที่เราจะลงทุนให้ดีเสียก่อน คริปโตเคอเรนซีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล (digital assets) ที่ทำให้ปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ทำงานอยู่บนบล็อกเชน (ฺBlockchain) เทคโนโลยีเครือข่ายการเก็บข้อมูลแต่ละบล็อก (block) เชื่อมโยงบนเครือข่ายเหมือนห่วงโซ่ (on chain) ภายในระบบ จะบันทึกและส่งข้อมูลถึงกัน ทุกคนที่ใช้งานจะสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ ดังนั้นจึงเป็นระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย และไม่สามารถปลอมแปลงได้ ผู้ใช้งานจะเป็นเจ้าของข้อมูลโดยสมบูรณ์ 

จักรวาลสินทรัพย์ดิจิทัล มีสกุลเหรียญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบิทคอยน์ อีเธอเรียม มีมคอยน์ สเตเบิลคอยน์ ฯลฯ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยตนเอง ตั้งแต่ที่มาของเหรียญ ความน่าเชื่อถือ สถิติราคาขึ้นสุด-ลงสุด เพื่อประเมินความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้  สำหรับมือใหม่ นอกจากความเข้าใจในกระบวนการของคริปโตแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความเข้าใจใน “ความผันผวนและความเสี่ยง” คริปโตอาจพุ่งขึ้นวันนี้และดิ่งลงในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณควรลงทุนแค่เงินที่พร้อมจะเสียได้

2. ระวังกับดัก FOMO! อย่าใจร้อนซื้อตาม Influencer รีวิวเหรียญ

อันตรายใหญ่ในโลกคริปโตคือความกลัวตกเทรนด์หรือพลาดโอกาส (FOMO) เราทุกคนเคยเห็นข่าวเกี่ยวกับบิทคอยน์ที่พุ่งทะยาน หรือ "เหรียญมีม" หลายคนกระโดดเข้ามาลงทุนในเหรียญที่กำลังฮิตด้วยความหวังอยากรวยเร็ว บ่อยครั้งที่ราคาเหรียญทะยานจากกระแส FOMO แต่การพุ่งขึ้นนั้นไม่ยาวนาน สุดท้ายราคาจะตกฮวบลงมาอย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ดี การลงทุนที่หล่อเลี้ยงด้วย “ความกลัว” ใช่ว่าจะแย่เสมอไป สัญญาณความกลัวที่ยังน่าลงทุนต่อก็มีเช่นกัน เช่น ช่วงระยะที่ผ่านมา Fear & Greed Index ส่งสัญญาณกลัวขั้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ราคาบิตคอยน์ก็ดิ่งลงต่อเนื่อง นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่อาจเป็นจังหวะขาลงก่อนฟื้นตัวในตลาด ประกอบกับสถานการณ์ปริมาณเงินทั่วโลก M2 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว ราคาบิตคอยน์ในตลาดมักจะปรับตัวสูงขึ้น 10 สัปดาห์หลังจากนั้น จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรจับตาและนำมาประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

3. เทคนิคลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging): เริ่มเล็กๆ แบ่งซื้อทุกเดือนเพื่อการลงทุนระยะยาว

เป้าหมายการลงทุนควรนำมาประกอบการออกแบบ financial portfolio ของผู้ลงทุน การบาลานซ์ความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เหรียญอย่าง บิทคอยน์ (BTC), อีเธอเรียม (ETH) หรือกลุ่มเหรียญสเตเบิลคอย ที่ราคาเหรียญเหล่านี้จะขึ้นลงตามปัจจัยต่างๆ แต่โดยรวมก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าเหรียญเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก

สัดส่วนการลงทุนของเหรียญต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้ ผู้ลงทุนควรจับตาดูสถานการณ์ตลาดและปรับพอร์ทการลงทุนอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญคือ “การเรียนรู้” ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้เทรนด์ตลาด หรือจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์  BINANCE TH Academy ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลที่ให้ความรู้ที่ย่อยง่ายสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่

4. ฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง และรู้วิธีการอยู่รอดเมื่อตลาด Crypto ร่วงหนัก 

ตลาดคริปโตเหมือนรถไฟเหาะทางอารมณ์ ราคาขึ้นลงแรงและเร็ว และง่ายมากที่จะถูกพัดพาไปตามกระแส—โดยเฉพาะเวลาที่ราคากำลังขึ้น การตัดสินใจลงทุนตามอารมณ์นั้นมีความเสี่ยง การฝึกจิตให้นิ่งจึงจำเป็นมากสำหรับการลงทุนคริปโต  

ถ้าคุณตั้งใจจะลงทุนระยะยาว พยายามยึดตามแผนของคุณ และจำไว้เสมอว่า นักลงทุนคริปโตที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ผ่านพ้นช่วงตลาดผันผวนได้โดยไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น

5. ลงทุนแบบ HODL: เหตุผลที่มหาเศรษฐี Bitcoin ไม่ขายแม้ราคาร่วง

การลงทุนคริปโตไม่ใช่วิธีรวยทางลัด แม้จะมีช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นบ้าง แต่คุณค่าจริง ๆ อยู่ที่การเรียนรู้ เข้าใจตลาด บวกกับสกิลการยับยั้งชั่งใจ รอบคอบ และการปรับตัวตามตลาดในแต่ละช่วงเวลา

ถ้าคุณลงทุนบิตคอยน์แบบระยะยาว ความผันผวนช่วงสั้นๆ จะไม่ทำให้คุณกังวลมาก ยึดมั่นในเป้าหมาย และตัดสินใจจากข้อมูลจริง ไม่ใช่กระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

6. ป้องกันเงินหาย! วิธีเก็บคริปโตให้ปลอดภัยด้วย Cold Wallet

หลีกเลี่ยงการเก็บเงินไว้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนนาน ๆ  ซึ่งอาจจะเป็นเป้านิ่งสำหรับแฮกเกอร์ ถ้าเลือกอยู่บนแพลตฟอร์มที่ไม่ได้มาตรฐานมากพอ ลองใช้กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ (cold wallet) เพื่อเก็บเงินคริปโตของคุณแบบออฟไลน์ที่ปลอดภัยกว่า ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อน และเปิดระบบยืนยันตัวตนสองชั้นบนทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้เก็บคริปโต

7. กฎหมายคริปโตในไทย: รู้ไว้ก่อนโดนเล่นงาน!

ก.ล.ต. เอาจริงรับปี 2568 เป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนจะต้องรู้กฎระเบียบในประเทศล่าสุด เพื่อความปลอดภัยและการทำให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด 

  • เลือกใช้บริการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ Exchange, Broker, Dealer, Fund Manager, Advisory Service, Custodial Wallet Provider, ICO Portal, ผู้สอบบัญชีของผู้ออกโทเคนดิจิทัล, และ ICO Issuer ที่ได้รับใบอนุญาตและความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. 
  • กฎหมายถือว่านักลงทุนจะต้องรับทราบกฎระเบียบการยื่นภาษีคริปโต โดยภาษีคริปโตฯ จัดอยู่ในหมวดหมู่ภาษีเงินได้ หมายถึงผู้ลงทุนได้ “กำไร” จากคริปโตเท่าไหร่ นำไปรวมกับรายได้อื่น ๆ ที่มีและคิดรายได้ตามขั้นบันไดภาษีเงินได้ตามปกติ ทั้งนี้ ประเภทของ “รายได้จากคริปโต” ที่ต้องยื่นภาษี ได้แก่
  • กำไรจากการลงทุน
  • เหรียญที่ขุดขึ้นมา และได้รายได้จากการขายออก
  • การได้รับรางวัลหรือ Airdrop
  • การได้รับคริปโตเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง
  • ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองคริปโต เช่น นำไปฝากแพลตฟอร์ม Defi หรือ Staking ก็นับเป็นเงินได้เช่นเดียวกัน

การเข้าใจกฎเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนไม่เจอปัญหาในอนาคต โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sec.or.th/digitalasset#law 

สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ คริปโตมีโอกาสที่น่าตื่นเต้น—แต่ ‘โอกาส’ จะเกิดเฉพาะกับคนที่เข้าหามันด้วยความรู้ สม่ำเสมอ มีวินัยในการลงทุน ระมัดระวัง รอบคอบ และมีแผนที่ชัดเจน เริ่มจากการติดตามข่าวสาร ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และไม่หลงไปกับกระแส FOMO หรือความหวังรวยเร็ว คุณจะรับมือกับการลงทุนในคริปโตได้แม้ตลาดผันผวน

คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้