In News

นายกฯบุกสุรินทร์ดูสถานการณ์ที่ชายแดน ภาพร่วมดีขึ้นสั่งแม่ทัพ2เปิดด่านให้ตรงกัน



สุรินทร์-นายกฯ ลงพื้นที่รับรายงานสถานการณ์ชายแดนคลี่คลายเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ย้ำรัฐบาลทุกหน่วยงานเฝ้าติดตามสถานการณ์ทุกเวลา พร้อมมอบนโยบายแก้ปัญหา ย้ำความปลอดภัยของ ปชช. เป็นสำคัญสั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดให้เป็นหลักประสานงานดูแลประชาชนในทุกมิติและได้สั่งการแม่ทัพภาค2 สรุปเรื่องเวลาเปิด-ปิดด่าน หลังจากทั้ง 2 ประเทศกำหนดเวลาเปิด-ปิดไม่ตรงกัน ทำให้เสียโอกาสในการค้าขายขณะที่ นายกฯตรวจเยี่ยมด่านพรมแดนศุลกากรช่องจอม พร้อมพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชน และก่อนหน้านี้นายกฯ

นายกฯลงพื้นที่รับรายงานสถานการณ์ชายแดนคลี่คลายดีขึ้น 

วันนี้ 11มิถุนายน 2568 เวลา 11.20 น. ณ  ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว  แม่ทัพภาคที่ 2  และผู้บริหารส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วมประชุม

ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ พบว่าขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายขึ้นมาก รัฐบาลได้สั่งการให้สนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนโดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด แม่ทัพภาคที่ 2  และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ทุกจังหวัดและแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ได้รายงานความคืบหน้า และสถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการรับฟังข้อมูลเรื่องสถานที่หลบภัย ขอให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจให้มีความพร้อมรวมถึงต้องให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนถึงวิธีการ และให้ได้เรียนรู้วิธีการใช้เพราะอาจจะมีภัยอื่น ๆ เช่นภัยธรรมชาติ หรืออุบัติภัยต่าง ๆ ได้ 

ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งอยู่หน้างานตลอด ได้รายงานในการเตรียมความพร้อมในทุกมิติทั้งการดูแลประชาชนในพื้นที่และด้านความมั่นคง ซึ่งจากการหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการทั้งไทยและกัมพูชาเห็นร่วมกันเรื่องสันติภาพ โดยเฉพาะประเทศไทยไม่ต้องการความรุนแรงโดยจะคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานหน้างานเป็นหลัก 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า กระทรวงมหาดไทยเทียบ “เป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว” ขอให้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมในแต่ละจังหวัดทำงานร่วมกันประสานกันว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างตามแนวชายแดน รวมถึงสำรวจความปลอดภัยในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หลบภัย รวมถึงปัจจัย 4 มีอย่างพอเพียงหรือไม่ ขอให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะสื่อสารกับประชาชนให้รับทราบข้อมูลที่ข้อเท็จจริง  เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด

“ยืนยันรัฐบาลจะพยายามทำอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด ขอขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงานที่ร่วมกันรักษาความสงบสุข รัฐบาลพร้อมให้การดูแลประชาชนและเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ หากมีอะไรที่มีความจำเป็นต้องการเร่งด่วน ขอให้ประสานมา รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ และขอให้ผู้นำส่วนท้องถิ่นช่วยสื่อสาร ทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น ว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง  เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด โดยเฉพาะเรื่องของการปล่อยเฟคนิวส์ ต้องป้องกันการเข้าใจผิด ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันเป็นทีมประเทศไทย รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกหน่วย  ยืนยันจุดยืนคือต้องการรักษาสันติภาพ ส่วนเรื่องรายละเอียดในการหารือข้อขัดแย้งต่างๆ ต้องแก้ไขไปทีละเรื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางเพื่อตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่กำลังพล กองกำลังสุรนารี ณ ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อไป

นายกฯสั่งแม่ทัพภาค2สรุปเรื่องเวลาเปิด-ปิดด่านให้ตรงกัน

วันนี้ (11 มิถุนายน 2568) เวลา 13.10 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ หลังจากเข้าประชุมกับทุกส่วนราชการแล้ว โดยได้มอบให้แม่ทัพภาคที่ 2 หารือกับกัมพูชาเรื่องเวลาเปิด-ปิดด่านที่ไม่ตรงกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าขายผ่านชายแดน  จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ออกเดินทางต่อไปที่  ด่านพรมแดนศุลกากร จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประเทศกัมพูชา เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานหน้าด่าน พร้อมพูดคุยถึงสถานการณ์การค้าชายแดนและภาพรวมทั่วไป 

โดยนายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และได้ถ่ายภาพกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมกล่าวยืนยันว่า รัฐบาล ฝ่ายปกครอง ทั้งทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงจะคอยดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนทุกจังหวัดชายแดนตลอดเวลาอย่างเต็มที่

จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านสกล หมู่ 8 ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยม สถานที่หลบภัยที่ชาวบ้านช่วยกันทำขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการ ทั้งจากกองทัพและกระทรวงมหาดไทย ทั้งทรายและอุปกรณ์ต่างๆ   โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และความปลอดภัยของบังเกอร์และสถานที่หลบภัยที่ชาวบ้านสร้างขึ้น พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแล สนับสนุนประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งด้านกำลังและวัสดุอุปกรณ์โดยขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก  ซึ่งชาวหมู่บ้านสกล ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาดูแลความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน