In Global
จีนและอเมริกาบรรลุฉันทามติเชิงหลักการ หลังเจรจาการค้าเชิงลึก'ตรงไป-ตรงมา'

จีนและสหรัฐอเมริกาได้บรรลุความคืบหน้าใหม่ในการแก้ไขข้อกังวลด้านเศรษฐกิจและการค้าของกันและกัน หลังจากการเจรจาทางการค้าอย่างลึกซึ้งและเปิดเผยเป็นเวลา 2 วันในกรุงลอนดอน ตามแถลงการณ์ที่ออกโดยฝ่ายจีนเมื่อวันพุธที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ระหว่างวันที่ 9-10 มิถุนายน (ตามเวลาท้องถิ่น) สองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้จัดการประชุมครั้งแรกของกลไกปรึกษาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่กรุงลอนดอน โดยได้บรรลุข้อตกลงในหลักการเกี่ยวกับการดำเนินการตามฉันทามติสำคัญที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ในการโทรศัพท์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน และวางกรอบมาตรการเพื่อยกระดับผลลัพธ์จากการเจรจาเศรษฐกิจและการค้าในเจนีวา
รองนายกรัฐมนตรีจีน นายเหอ หลี่เฟิง ผู้แทนหลักฝ่ายจีนด้านกิจการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมพร้อมกับผู้แทนหลักฝ่ายสหรัฐฯ ได้แก่ รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์, รัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาวเวิร์ด ลัทนิค และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เจมี่สัน เกรียร์
โดยรองนายกรัฐมนตรีจีน เรียกการประชุมนี้ว่าเป็นการหารือที่สำคัญภายใต้แนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำทั้งสองประเทศ
เขากล่าวว่า แก่นแท้ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ คือผลประโยชน์ร่วมกันและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย พร้อมระบุว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านนี้จะส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ขณะที่ความขัดแย้งจะส่งผลเสียต่อทั้งคู่
เขายังเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับจีนผ่านการเจรจาอย่างเสมอภาคและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่าจีนมีความจริงใจในการเจรจา แต่ก็มีหลักการของตนเองเช่นกัน
ศาสตราจารย์ซุน ไถ่ยี่ แห่งมหาวิทยาลัยคริสโตเฟอร์ นิวพอร์ต สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ CGTN ว่าการประชุมครั้งล่าสุดเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ชี้แจงประเด็นเศรษฐกิจและการค้าที่ยังค้างคา และช่วยผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีให้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง
ความสัมพันธ์ทางการค้าสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน การประชุมกลไกปรึกษาหารือเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ครั้งแรกนี้เกิดขึ้นเกือบหนึ่งเดือนหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการประชุมระดับสูงเมื่อวันที่ 10-11 พฤษภาคม ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม จีนและสหรัฐฯ ตกลงที่จะลดภาษีศุลกากรทวิภาคีลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยสหรัฐฯ ยกเลิกภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าจีนถึง 91% ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการยกเลิกภาษีตอบโต้ในระดับเดียวกัน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังระงับการเก็บ “ภาษีตอบโต้” อัตรา 24% เป็นเวลา 90 วัน และจีนก็หยุดมาตรการตอบโต้เช่นเดียวกัน
ระหว่างการโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง กล่าวว่าการประชุมที่เจนีวาถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการค้าผ่านการเจรจา ซึ่งได้รับการต้อนรับจากทั้งสังคมในประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เรียกว่าการเจรจานั้น “ประสบความสำเร็จมาก” และให้คำมั่นว่าสหรัฐฯ จะร่วมมือกับจีนในการดำเนินการตามข้อตกลง
หลังจากมีการปรับนโยบายภาษีทันที ยอดจองตู้คอนเทนเนอร์จากจีนไปยังสหรัฐฯ ก็พุ่งขึ้นเกือบ 300% ตามข้อมูลจาก Vizion ผู้ให้บริการข้อมูลติดตามตู้คอนเทนเนอร์
ผู้จัดการคลังสินค้าที่ท่าเรือเหยียนเถียน เมืองเซินเจิ้น ซึ่งรองรับสินค้าส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ กว่าหนึ่งในสี่ ระบุว่าปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% จากประมาณ 120 ตู้ต่อวัน เป็นมากกว่า 200 ตู้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
ไมเคิล ฮาร์ต ประธานหอการค้าสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า สงครามภาษีถือเป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าจีนไม่เพียงเป็นตลาดสำคัญ แต่ยังเป็นแหล่งสินค้าสำหรับสหรัฐฯ ด้วย
หลังการประชุมที่ลอนดอน นายหลี่ เฉิงกัง ผู้แทนการค้าระหว่างประเทศของจีน กล่าวว่า หวังว่าความคืบหน้าที่เกิดขึ้นจะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างมั่นคงและมีสุขภาวะของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ
ศาสตราจารย์ซุนยังกล่าวกับ CGTN ว่า ทั้งสองฝ่ายแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์ของตน และได้สร้างความเข้าใจในจุดยืนของกันและกันอย่างชัดเจนที่กรุงลอนดอน
เขากล่าวปิดท้ายว่า การประชุมนี้นำไปสู่การยอมรับร่วมกันว่า “ความร่วมมือและการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน” เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย มากกว่าการเผชิญหน้า ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อทั้งคู่
แหล่งข้อมูล: https://news.cgtn.com/news/2025-06-11/China-U-S-reach-principled-consensus-after-trade-talks-in-London-1E7iNezpjIA/p.html