Authority & Harm
คน2ตำบลเดือดร้อนบุกร้องนอภ.ห้วยเม็ก ชี้เอกชนปิดทางน้ำจนไหลบ่าท่วมไร่-นา

กาฬสินธุ์-ชาวบ้านหนองกุงไทย ตำบลโนนสะอาด อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ หลายครัวเรือนเดือดร้อนหนัก หลังเกิดฝนตกหนักน้ำป่าดงระแนงไหลท่วมพื้นที่นาและไร่อ้อย เผยสาเหตุจากเอกชนทำคันดินปิดทางน้ำไหล ทำให้มวลน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เสียโอกาสทำนา ไร่อ้อยจมน้ำ เกิดข้อพิพาทระหว่างชาวบ้าน ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอช่วยแก้ปัญหา
ที่บริเวณถนนสายบ้านหนองกุงไทย ต.โนนสะอาด-บ้านกุดโดน ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ นายกวินพัฒน์ วีระพันธุ์ ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม อ.ห้วยเม็ก พร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาข้อร้องเรียน ชาวบ้านหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน สาเหตุมาจากปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากลำรางสาธารณะหรือร่องน้ำป่าตามธรรมชาติ ถูกเอกชนรายหนึ่งทำคันดินปิดทางน้ำไหล ทำให้ไม่มีช่องทางระบายน้ำ โดยมีนางยุพิน ภูสีนาค อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 ชาวบ้านหนองกุงไทย หมู่ 6 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ และเพื่อนบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อน และผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 30 คนให้ข้อมูล
นายกวินพัฒน์ วีระพันธุ์ ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายเกียรติศักดิ์ มูลไธสง นายอำเภอห้วยเม็ก ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หลังมีหนังสือร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอฯ ให้เข้ามาดูสภาพปัญหา และหามาตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรบ้านหนองกุงไทย ทั้งในส่วนของนาข้าวและไร่อ้อย โดยมีชาวบ้านทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายผู้ร้องเรียนหลายครอบครัว และคู่กรณีให้ข้อมูล ซึ่งต่างฝ่ายต่างอ้างเหตุผลของตน
นายกวินพัฒน์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ได้สอบถามปัญหาจากทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังไม่สามารถยุติเรื่องได้ เนื่องจากฝ่ายผู้ร้องเรียนอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำคันดินปิดทางน้ำป่า ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ไม่สามารถทำนาได้ โดยมีสำเนาโฉนดที่ดินมาอ้างอิง พร้อมยืนยันด้วยหลักฐานว่า เดิมจุดที่มีข้อพิพาทเคยมีลำรางสาธารณะและทางสาธารณะประโยชน์มาก่อน ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาหลายสิบปี และไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วม ขณะที่อีกฝ่าย ซึ่งเป็นฝ่ายปิดทางน้ำไหลอ้างว่า ที่ผ่านมาตนก็ประสบปัญหาน้ำท่วมนา จึงได้จ้างรถแบ็คโฮมาทำคันดินปิดทางน้ำป่าในพื้นที่ของตนเอง โดยเป็นการอ้างสิทธิ์ดำเนินการในที่ดิน แต่ไม่มีเอกสารมายืนยัน
“การลงพื้นที่เพื่อระงับข้อพิพาทนี้ ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จึงได้แจ้งแนวทางให้ทั้ง 2 ฝ่ายทราบว่า เบื้องต้นจะนำผลการลงพื้นที่รายงานนายอำเภอ จากนั้นจะเป็นในส่วนของการเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมไกล่เกลี่ยที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอฯ ขอให้ทั้ง 2 ฝ่าย นำเอกสารหรือหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับที่ดินข้อพิพาทไปด้วย เพื่อหาทางออกร่วมกัน ส่วนจะเป็นวันไหนนั้น จะนัดหมายให้ทราบอีกที ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างปรองดองสมานฉันท์” นายกวินพัฒน์กล่าว
ด้านนางยุพิน ภูสีนาค อายุ 51 ปี ตัวแทนชาวบ้านผู้เดือดร้อน และมีที่ดินติดกับคันดินปิดทางน้ำกล่าวว่า ตนและเพื่อนบ้านซึ่งมีที่ทำกินอยู่บริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ที่ผ่านมาไม่เคยประสบปัญหาความเดือดร้อนจากน้ำท่วม เนื่องจากเคยมีร่องน้ำป่า ให้น้ำป่าที่ไหลมาจากพื้นที่ด้านบนและจากชายป่าดงระแนง ไหล ผ่านไปตามลำรางธรรมชาติ และมีทางสาธารณะสัญจรอย่างสะดวก ตามที่ปรากฏในโฉนดที่ดิน แต่เมื่อประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย.68 ที่ผ่านมา เพื่อนบ้านซึ่งมีที่นาอยู่ติดกัน ซึ่งมีลำรางสาธารณะและถนนสาธารณะเป็นเส้นคั่น ได้จ้างรถแบ็คโฮมาทำคันดินบริเวณดังกล่าว พอฝนตกลงมา น้ำป่าไม่มีทางระบายจึงเกิดการเอ่อท่วมพื้นที่นาของตน รวมถึงไร่อ้อยของเพื่อนบ้านเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เสียโอกาสปลูกข้าว ส่งผลกระทบกับไร่อ้อยด้วย
“ปัญหาที่เกิดขึ้น เบื้องต้นตนและเพื่อนบ้านผู้ได้รับผลกระทบ ได้พยายามพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่ทำคันดินปิดกั้นทางน้ำ เพื่อขอให้เปิดทางน้ำไหลไปสู่ที่ต่ำตามธรรมชาติ แต่เพื่อนบ้านคนดังกล่าวกลับไม่ยินยอม พูดคุยหลายครั้งไม่สำเร็จ ตนและเพื่อนบ้านผู้เดือดร้อน จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยเม็ก เพื่อให้เป็นสื่อกลางช่วยไกล่เกลี่ยและแก้ไขปัญหานี้ เป็นการแก้ไขปัญหาน้ำป่าท่วมขัง และจะได้อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพา ถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนพี่เหมือนน้องอย่างที่ผ่านมา” นางยุพินกล่าว
ขณะที่นางบุญยัง พาดี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 หมู่ 4 บ้านหนองกุงไทย เจ้าของที่ดินแปลงที่ทำคันดินกั้นน้ำ กล่าวว่า ฤดูฝนหลายปีที่ผ่านมา ที่นาตนก็ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าเหมือนกัน ในปีนี้เพื่อป้องกันน้ำป่าไหลบ่าท่วมพื้นที่ทำนา และจะได้มีพื้นที่ปลูกสร้างที่พักอาศัยให้ลูกหลานในอนาคต จึงได้จ้างรถแบ็คโฮมาขุดทำเป็นคันดิน โดยเป็นการทำในพื้นที่ของตน ไม่ได้ไปทับถมลำรางสาธารณะเลย ส่วนน้ำป่าจะไหลไปทางไหนตนไม่รู้ รู้แต่ว่าตนทำในส่วนที่ดินของตนเท่านั้น วันนี้ไม่ได้นำสำเนาโฉนดหรือเอกสารที่ดินมาด้วย เพราะอยู่ที่สำนักงานที่ดิน แต่ก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยที่ศูนย์ดำรงธรรม ส่วนเรื่องจะจบอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน