Authority & Harm
ทุกภาคส่วนกาฬสินธุ์ช่วยเด็กหญิงวัย8ปี ถูกเพื่อนพ่อล่วงละเมิด
กาฬสินธุ์-อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับตำรวจสภ.นามน เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก สถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและให้การช่วยเหลือเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.2 วัย 8 ปี หลังมีการโพสต์ในโลกโซเชียลว่าถูกเพื่อนพ่อข่มขืน และล่วงละเมิด ขณะที่ตำรวจตามรวบตัวได้ แต่ยังให้การปฏิเสธ
วันที่ 19 มิถุนายน 2568 นายภิเด่น พงศ์อุดมสุข นอภ.นามน จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายจักรกริช เจียมตัว ปลัดอำเภอนามน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ร่วมกับนายทรงวุฒิ ศรล้อม รองผอ.สพป.เขต 3 นายมานพ ฝายนายาง นายอบต.นามน นายเทวิน ยิ้มแย้ม ผู้ใหญ่บ้านคำยิ่งหมี ม.4 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นามน เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก จ.กาฬสินธุ์ คณะครู เจ้าหน้าที่อบต.นามน ชรบ.และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือกรณีมีครูและเพื่อนบ้านแจ้งขอความช่วยเหลือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีเด็กหญิงชั้น ป.2 วัย อายุ 8 ปี ถูกเพื่อนพ่อของเด็กเข้าไปล่วงละเมิดภายในบ้านพัก
โดยจากการลงพื้นที่พบบ้านหลังดังกล่าวสร้างขึ้นลักษณะเป็นเพิงพักก่ออิฐล้อม แต่ยังสร้างไม่เสร็จ สภาพบริเวณทั่วบ้านรกรุงรัง เสื้อผ้า ข้าวของกระจัดกระจาย พบนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี และนางบี (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี สองสามีภรรยาอยู่ในบ้าน และพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนลูกสาวชั้น ป.2 อายุ 8 ปี ไปโรงเรียนตามปกติ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทั้งสองคนมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเป็นผู้เสพ โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญทั้งสองคนมาทำความเข้าใจ เพื่อที่จะช่วยเหลือนำเด็กหญิงวัย 8 ปี ซึ่งมีพัฒนาการค่อนข้างช้ากว่าบุคคลปกติไปพักอาศัยที่บ้านพักเด็ก จ.กาฬสินธุ์ ส่วนสองสามีภรรยาเจ้าหน้าที่ได้เจรจาพูดคุย เพื่อที่จะนำเข้าสู่การบำบัดยาเสพติดต่อไป ซึ่งทั้งสองก็สมัครใจและให้ความร่วมมือในการบำบัด
นายจักรกริช เจียมตัว ปลัดอำเภอนามน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งว่ามีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ ทางนายภิเด่น พงศ์อุดมสุข นอภ.นามน ก็ได้มอบหมายให้ตน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะเด็กหญิงวัย 8 ปี ซึ่งมีพัฒนาการค่อนข้างช้า โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กได้นำตัวเด็กหญิงเข้าไปให้การช่วยเหลือแล้วส่วน พ่อ และแม่ของแม่เด็ก ที่มีประวัติ เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น จะนำตัวทั้งสองคนเข้าสู่กระบวนการบำบัด ฟื้นฟู ตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งทั้งสองคนก็สมัครใจเข้าร่วม อย่างไรก็ตามทางอำเภอนามน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เฝ้าติดตามผลการบำบัดของทั้งสองคนอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูสภาพความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม และที่พักอาศัยต่อไป
ขณะที่นายเทวิน ยิ้มแย้ม อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านคำยิ่งหมี ม.4 ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 25 มิถุนายน 68 ที่ผ่านมา แม่ของเด็กหญิง และเพื่อนบ้านมาแจ้งว่า น้องถูกเพื่อนพ่อ ซึ่งมาเล่นที่บ้านล่วงละเมิด โดยอาศัยจังหวะที่เด็กหญิงเดินไปปัสสาวะข้างบ้านตามไปเอามือแหย่และเอาไม้แหย่อวัยวะของเด็ก จนเด็กร้องไห้เสียงดัง ก่อนเดินเข้าไปในบ้าน และมีเลือดไหลออกมา ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งจากแม่และเพื่อนบ้าน รวมถึงครูก็ได้พากันไปแจ้งความกับตำรวจสภ.นามน เพื่อให้เร่งดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุ และเข้าให้การช่วยเหลือ
ขณะที่เพื่อนบ้านในละแวกนั้น ระบุว่า ทราบข่าวว่ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในหมู่บ้านก็รู้สึกตกใจเพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนตัวหากกระทำผิดจริงก็ให้ดำเนินคดีเด็ดขาดให้เข็ดหลาบ เป็นเยี่ยงอย่างเพราะทราบจากเจ้าหน้าที่ว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย ดังนั้นจึงอยากให้ดำเนินคดีและรับโทษถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามขณะที่ความคืบหน้าของคดีล่าสุด ภายใน้การอำนวยการโดย พ.ต.อ.กฤษฎิ์ภิวัชร์ ปรีดาพันธุ์ ผกก.สภ.นามน สั่งการให้ภูมรินทร์ ขามชู รองผกก.สส.สภ.นามน พ.ต.ท.ฐิติวัชร์ ภูถาดลายสว.สส.สภ.นามน ร.ต.อ.เสกสรรค์ เถื่อนศร รองสว.สส.สภ.นามน พร้อมด้วยชุดสืบสวน เข้าจับกุมตัวนายเม อายุ 35 ปี (นายเมธี จันทมูล) อยู่บ้านเลขที่ 157 ม.4 ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมนำตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก
โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ล่วงละเมิด และไม่ได้ข่มขืนเด็ก ซึ่งวันเกิดเหตุไปเล่นบ้านเพื่อนเท่านั้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเสพยาเสพติดประเภทที่1 (ยาบ้า) ส่วนเรื่องคดีของเด็กหญิงวัย 8 ปีนั้น พนักงานสอบสวนจะได้นัดทีมสหวิชาชีพ เพื่อที่จะทำการสอบปากคำเด็ก ทั้งนี้ในส่วนผลตรวจของแพทย์เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการข่มขืน เจ้าหน้าที่จึงต้องนำหลักฐานอื่นๆส่งตรวจดีเอ็นเออย่างละเอียด และต้องสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป