In News

นายกฯบุกอุบลฯหารือ7ผู้ว่าฯจว.ชายแดน ดูแลปชช.ตามแผน'พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง'



กรุงเทพฯ-นายกฯ ย้ำผู้ว่าฯชายแดน 7 จังหวัด สั่งการให้ทุกหน่วยดูแลประชาชน ตามแผน “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” ขอให้พร้อมทุกมิติทั้งแผนเผชิญเหตุ โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ยึดเป้าหมายปชช.ต้องปลอดภัยเป็นสำคัญ

วันนี้ (20 มิถุนายน 2568) เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย โดยมีนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง  โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตราด สระแก้ว จันทบุรี บุรีรัมย์  สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี  เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom Meeting

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย - กัมพูชา เป็นภารกิจในความรับผิดชอบของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย  พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนและเพื่อประเทศชาติด้วยความเข้มแข็ง ทั้งนี้จากการลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ ซึ่งในบางพื้นที่มีการจัดทำกันเอง จึงขอให้ทางจังหวัดตรวจสอบให้แน่ชัดว่าโครงสร้างเหล่านั้นมีความปลอดภัยจริง สามารถปกป้องชีวิตประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงดำเนินการให้เหมือนว่ามีการเตรียมพร้อมเท่านั้น

สำหรับด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพ ตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันที ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงยึดมั่นในหลักการสันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรง แต่หากเกิดสุดวิสัย ก็ต้องรักษาความปลอดภัยให้กับทหารแนวหน้า และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในสวัสดิภาพของประชาชน ตามแนวชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด โดยยึดหลัก “มหาดไทย คือ บ้าน และทหาร คือ รั้ว” รวมถึงให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดูแลพี่น้องประชาชน ตามแผน “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง”  โดยเฉพาะ 7 จังหวัดชายแดน ให้เตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน เน้นการตรวจสอบดูหลุมหลบภัย แผนเผชิญเหตุ การรักษาความปลอดภัย การเตรียมโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

“การรับมือกับข่าวปลอม (Fake News) ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงและความเชื่อมั่นของประชาชน ขอให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตาม ตรวจสอบ และแก้ไขข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด รวมถึงเผยแพร่ที่ถูกต้องแก่ประชาชนอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการสับสนและตื่นตระหนก ร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่ต่อไป” นายกรัฐมนตรี ย้ำ

โดยในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อมั่นในศักยภาพของทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงาน และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง  และขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานอย่างเข้มแข็งอย่างเต็มกำลัง โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน ในทุกมิติขอให้ทุกกระทรวงยึดเป้าหมายสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนทั้ง 7 จังหวัด เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาและดูแลสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่
1) รักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่ตามบริบทของจังหวัด
2) สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ ชี้แจงให้ประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์
3) การสำรวจหลุมหลบภัย
4) ปฏิบัติงานร่วมกับกองทัพ และให้การสนับสนุนหน่วยงานด้านความมั่นคง
5) การซ้อมแผนอพยพและเผชิญเหตุ

จากนั้น เวลาประมาณ11.30 น.นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการมรกต ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อ รับรายงานสถานการณ์ชายแดนของกองทัพภาคที่2และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้ง พบปะกับกำลังพลของกองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมถึงความคืบหน้าด้านการปฏิบัติงานในภารกิจสำคัญต่อไป