In Global
จีน-เอเชียกลางเดินหน้าสานต่อมิตรภาพ สู่อนาคตแห่งความร่วมมือคุณภาพสูง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดจีน–เอเชียกลางครั้งที่ 2 ที่ กรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 โดยกล่าวถึงความร่วมมือระหว่างจีนกับ 5 ประเทศเอเชียกลาง ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เน้นย้ำถึงพลังของ "จิตวิญญาณของจีน–เอเชียกลาง" ที่มีรากฐานจากประวัติศาสตร์แห่งมิตรภาพที่ยาวนานกว่า 2,000 ปี และกำลังขับเคลื่อนสู่ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในสมัยใหม่ โดยกล่าวว่า ในการพบปะกันที่เมืองซีอานเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้เกิดวิสัยทัศน์ร่วมของ 6 ประเทศ และในวันนี้ ความร่วมมือในหลายมิติได้เบ่งบานประหนึ่งต้นทับทิม 6 ต้นที่ผู้นำ 6 ประเทศร่วมกันปลูก แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม และความมั่นคง
ประธานาธิบดีสี จิ้งผิง ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือภายใต้แผนข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับประเทศเอเชียกลางเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35 โดยจีนส่งออกเทคโนโลยีสีเขียว รถยนต์พลังงานใหม่ และแผงโซลาร์เซลล์ ขณะที่ประเทศในเอเชียกลางส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรมายังจีนอย่างต่อเนื่อง
โครงการรถไฟสายจีน–คีร์กีซสถาน–อุซเบกิสถานเริ่มเดินหน้าอย่างเป็นทางการ ขณะที่โครงการเส้นทางรถไฟสายที่ 3 ระหว่างจีนกับคาซัคสถาน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น ถนน จีน–ทาจิกิสถาน และพลังงาน จีน–เติร์กเมนิสถาน ก็มีความก้าวหน้า
นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และอุตสาหกรรมสีเขียว ยังช่วยขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซ และการศึกษาออนไลน์ของจีน ในด้านวัฒนธรรมและประชาชน จีนกับประเทศเอเชียกลางร่วมกันยกระดับความเข้าใจผ่านการแลกเปลี่ยนที่ลึกซึ้ง ทั้งการเปิดศูนย์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยจีน และเวิร์กช็อปหลูปัน (Luban Workshop) ขณะที่ความนิยมของภาพยนตร์และละครจีนในภูมิภาคเอเชียกลาง รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนระหว่างผู้คนขยายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึง “จิตวิญญาณแห่งจีน–เอเชียกลาง” ว่า ประกอบด้วย 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
ความเคารพซึ่งกันและกัน ความเชื่อมั่นและการสนับสนุนซึ่งกัน ความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน และ
การยืนหยัดเคียงข้างกันในยามวิกฤต ซึ่งเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนความร่วมมือสู่การมีอนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือจีน–เอเชียกลาง ได้แก่
1. เสริมสร้างความสามัคคี ผ่านการลงนามร่วมกันระหว่าง 6 ประเทศ
2. ยกระดับกรอบความร่วมมือ โดยกำหนดปี 2025–2026 เป็น "ปีแห่งการพัฒนาคุณภาพสูง" พร้อมจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือด้านการลดความยากจน การศึกษา และการป้องกันทะเลทราย รวมถึงการมอบทุนสนับสนุนและโอกาสอบรมแก่ประเทศพันธมิตร
3. สร้างกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงร่วมกัน ด้วยการต่อต้านลัทธิหัวรุนแรง การก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ
4. เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ผ่านความร่วมมือระหว่างสถาบันการเมือง สตรี เยาวชน สื่อ และการแลกเปลี่ยนทางภาษาและทักษะ
5. ยึดมั่นในระเบียบโลกที่ยุติธรรม สนับสนุนความเป็นพหุภาคี และส่งเสริมการพัฒนาโลกที่มีความเท่าเทียม
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวด้วยว่า จีนมีคำกล่าวโบราณที่เน้น "การแบ่งปันและเอื้อเฟื้อ" และเอเชียกลางมีสุภาษิตว่า "ความสามัคคีคือความมั่งคั่ง" ดังนั้น จีนพร้อมเดินเคียงข้างเอเชียกลาง เพื่อสานต่อจิตวิญญาณแห่งมิตรภาพ และสร้างอนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย
ภาพ : CGTN