In News

'นฤมล'จัดตั้งอนุกก.พัฒนาคุณภาพทุเรียน ส่งออก/ร่วมพาณิชย์รับมือ'ลำไย-ทุเรียน'



กรุงเทพฯ-“รมว.นฤมล” ตั้ง อนุ กก.พัฒนาคุณภาพทุเรียน คุมส่งออกให้ได้มาตรฐาน เผย ประสาน “พาณิชย์” รับมือ “ลำไย - ทุเรียน” ช่วง ก.ค.นี้ เร่งกระจายผลไม้ แก้ปัญหาล้นตลาด

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 4/2568 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 134 และผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตามข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนของสภาเกษตรกรแห่งชาตินั้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบ (ร่าง) คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพสินค้าทุเรียน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนไทย ให้การพัฒนาคุณภาพทุเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้มาตรฐานสากล และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของทุเรียนไทยในระดับโลก นำไปสู่ความยั่งยืนของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทุเรียนและภาพลักษณ์ประเทศไทยต่อไป

ศ.ดร.นฤมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบสถานการณ์ผลไม้ ปี 2568 โดยคาดการณ์ผลผลิตลำไย และทุเรียน จะเริ่มออกสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคมนี้ และมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาดในช่วงที่ผลิตออกตามฤดูกาล จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างใกล้ชิดในการวางแผนรองรับทั้งในเรื่องการกระจายผลไม้ออกสู่ตลาด และด้านราคาเพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกร โดยกระทรวงเกษตรฯ ยังคงเน้นย้ำให้ความสำคัญในการดูแลสุขอนามัยพืชให้ปลอดสารเคมี (Food Safety) ตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกำชับให้เข้มงวดในการควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตรก่อนออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษามาตรฐานสินค้าเกษตรไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศคู่ค้าอีกด้วย

สำหรับสถานการณ์ผลไม้ภาคเหนือ (ลำไย และลิ้นจี่) ปี 2568 ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พ.ค.68) 1. ลำไย มีปริมาณผลผลิตรวม 1,064,242 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 947,140 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.36 โดยผลผลิตจะออกมากสุด (พีค) ช่วงเดือนกรกฎาคม ปริมาณ 224,991 ตัน ถึงเดือนสิงหาคม ปริมาณ 422,400 ตัน 2. ลิ้นจี่ มีปริมาณผลผลิตรวม 30,745 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 12,857 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 139.13 โดยผลผลิตจะออกมากสุด ช่วงเดือนพฤษภาคม ปริมาณ 18,962 ตัน ถึงเดือนมิถุนายน ปริมาณ 11,258 ตัน

ส่วนสถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ (ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง) ปี 2568 ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค.68) 1. ทุเรียน มีปริมาณผลผลิตรวม 606,958 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 530,258 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.46 ออกดอกแล้วร้อยละ 65.04 โดยจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม ปริมาณ 202,520 ตัน 2. มังคุด มีปริมาณผลผลิตรวม 109,697 ตัน ลดลงจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 119,305 ตัน หรือร้อยละ 8.05 ออกดอกแล้วร้อยละ 61.72 โดยจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม ปริมาณ 43,464 ตัน 3. เงาะ มีปริมาณผลผลิตรวม 36,334 ตัน ลดลงจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 40,108 ตัน หรือร้อยละ 9.41 ออกดอกแล้วร้อยละ 67.89 โดยจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม ปริมาณ 16,364 ตัน และ 4. ลองกอง มีปริมาณผลผลิตรวม 11,571 ตัน ลดลงจากปี 2567 ที่มีปริมาณ 22,735 ตัน หรือร้อยละ 49.10 ออกดอกแล้วร้อยละ 16.33 โดยจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนตุลาคม ปริมาณ 5,229 ตัน

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านต่างๆ อาทิ การแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผลไม้ (ทุเรียน ลำไย และมะม่วง) ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เตรียมพัฒนาแอปพลิเคชั่นระบบการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรอง GAP (Good Agricultural Practices) หรือการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ในใบรับรอง GAP ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าเกษตรได้ รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าโครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้เพื่อยกระดับราคาสถาบันเกษตรกร ปี 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ผลไม้ ปี 2568 ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในปริมาณที่มาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสมาชิกของสถาบันเกษตรกรที่ไม่สามารถกระจายผลไม้ออกนอกแหล่งผลิตได้ในช่วงเวลาที่ผลผลิตกระจุกตัว สามารถสร้างเสถียรภาพด้านราคาผลผลิตของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยมีเป้าหมาย คือ สถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ (สหกรณ์ผู้ผลิตและสหกรณ์ผู้กระจายผลไม้) จำนวน 34 แห่ง ใน 24 จังหวัด รวบรวมและกระจายผลไม้ จำนวน 1,393.10 ตัน งบประมาณ 4.73 ล้านบาท จากเงินจ่ายขาดกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และมอบหมายกรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งดำเนินการต่อไป