Biz news
หลักทรัพย์ธนชาต'มองครึ่งปีหลัง2568 เจอสิ่งท้าทายมากขึ้นแนะกระจายพอร์ต

กรุงเทพฯ-บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มองการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีความท้าทายไม่ต่างกับช่วงครึ่งปีแรก เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกระแสเงินทุนทั่วโลก ซึ่งความขัดแย้งตะวันออกกลางเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นทั่วโลกเพิ่มเติม สำหรับประเทศไทย ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเปิดพึ่งพาการส่งออก-ท่องเที่ยว มีความเสี่ยงโดยตรงจากมาตรการภาษีการค้าตอบโต้ของสหรัฐฯ ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนในระดับสูง การเข้าสู่สังคมสูงอายุ และเสถียรภาพทางการเมืองที่ไม่มั่นคง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภายในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งสะท้อนไปที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่ให้ผลตอบแทนต่ำมากในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุนในสภาวการณ์เช่นนี้ ต้องอาศัยการกระจายความเสี่ยงที่ดี ไปยังสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย รวมถึงการลงทุนต่างประเทศ โดยในรายงาน “Wealth Strategy” ประจำไตรมาสของหลักทรัพย์ธนชาต แนะนำพอร์ตลงทุนแบบ Moderate Risk Portfolio โดยมีแนวทางการจัดสรรพอร์ตดังนี้:
·Overweight ตราสารหนี้ในประเทศและต่างประเทศ ในสัดส่วน 45% ของพอร์ต: การลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ นอกจากจะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูง (Running Yield) ยังมีโอกาสได้ส่วนต่างจากราคาตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น จากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อีก 1-2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง และการจ้างงานที่คาดว่าจะลดความร้อนแรงลงใน 6 เดือนข้างหน้า
·Neutral หุ้นไทย ในสัดส่วน 25% ของพอร์ต: แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาอย่างชัดเจน แต่เริ่มเห็นการ “ชะลอ” ปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนลงแล้วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับ Valuation ที่ระดับ PBV 1.0 เท่า ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว โดยในช่วงที่ตลาดยังมีความผันผวนสูง แนะนำให้เลือกซื้อในกลุ่มหุ้น Defensive ที่มีกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) แข็งแกร่ง และกลุ่มหุ้น High Dividend Yield เช่น DIF, 3BBIF, ADVANC, BPP, EGCO และ BDMS
·Neutral กลุ่ม Asset funds และ Infrastructure Fund ในสัดส่วน 10% ของพอร์ต: โดยมีจุดเด่นที่การจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
·Underweight หุ้นต่างประเทศ ในสัดส่วน 15% ของพอร์ต: เน้นไปที่กลุ่มหุ้นสุขภาพที่มีความทนทานต่อเศรษฐกิจชะลอตัว และหุ้นอินเดียที่มีการเติบโตสูง อย่าง ES-HEALTHCARE และ ES-INDAE รวมถึงหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ที่มี Valuation ไม่แพง และได้ผลดีโดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่าน SCBASHARES(A)
·Underweight ทองคำ ในสัดส่วน 5% ของพอร์ต: ใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการขยายวงของสงคราม และ อัตราเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวระยะสั้น
สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการจัดการพอร์ตด้วยตนเอง หลักทรัพย์ธนชาตแนะนำให้ลงทุนในแผนจัดสรรการลงทุน ZEAL แผน “ZEAL Sustain” ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีกระแสเงินสดอิสระสูง (Free Cash Flow) และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 29% ตั้งแต่ปี 2563 ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 เทียบกับ SET ที่ให้ผลตอบแทน -13.8% ในช่วงเดียวกัน นอกจากนี้ แนะนำให้นักลงทุนใช้แอปพลิเคชั่น Think+ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่ใช้ในการติดตามบทวิเคราะห์และมุมมองการลงทุนทั่วโลก พร้อมฟังก์ชันการซื้อขายหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และกองทุนรวมหลากหลายจาก 17 บลจ.