EDU Research & Innovation
แรงใจรุ่นพี่สู่เวทีประชันไอเดียสร้างสรรค์ เฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรมต่อยอดใช้จริง

กรุงเทพฯ-เพราะสุขภาวะของคนไทยคือ รากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ซึ่งไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงลำพัง หากแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้ร่วมคิดและลงมือทำ ผ่านเวที Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2025 ที่เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 7 เพื่อเฟ้นหาไอเดียสร้างสรรค์และต่อยอดเป็นนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมขับเคลื่อนสู่สังคมไทยที่แข็งแรงอย่างแท้จริง
นางอติพร สุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และกิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรรมการอำนวยการจัดประกวด กล่าวว่า Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีประกวด แต่คือ พื้นที่บ่มเพาะนวัตกรรุ่นใหม่ เปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป Startup และภาคี สสส. ได้แสดงศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมการสนับสนุนแบบครบวงจร ทั้งการพัฒนาไอเดียใน Innovation Camp การดูแลโดยเมนเทอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การให้ทุนสนับสนุนโครงการต่อเนื่อง ตลอดจนคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ เพื่อให้ผลงานสามารถนำไปใช้จริงและขยายผลในวงกว้าง
“ปีนี้ทีมผู้จัดได้พัฒนาเวทีให้ตอบโจทย์ยุคสมัยมากขึ้น ทั้งในด้านหลักเกณฑ์การประเมิน การอบรมเสริมความรู้ และพัฒนาทักษะเชิงระบบ ซึ่งไม่เพียงมอบประสบการณ์อันมีค่า แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดความตระหนักรู้ด้านสุขภาวะในระดับประเทศ จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนให้เข้ามามีส่วนร่วม เพราะนอกจากจะได้ต่อยอดไอเดียให้เป็นรูปธรรมแล้ว ยังได้ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ ได้รับประสบการณ์จริง และมีโอกาสเติบโตเป็นนวัตกรที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการปลูกฝังแนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพในวงกว้างและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต่อประเทศ”
ด้านรุ่นพี่แชมป์เก่า นางสาวฐิติพร ศรีพระธาตุ (เตยเตย) และ นางสาวพิชามญชุ์ ศิริวงศ์ (เฌอเอม) ตัวแทนจากทีม SMD Team Gen2 เจ้าของผลงาน Bile Duct Cancer Survivor บอร์ดเกมสร้างความรู้มะเร็งถุงน้ำดีสำหรับเยาวชน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายมัธยมศึกษา (มอดินแดง) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2023 ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์จากการเข้าร่วมโครงการว่า ผลงาน บอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้โรคมะเร็งถุงน้ำดีออกแบบมาเพื่อให้ความรู้ผ่านการเล่นเกมอย่างสนุกสนานและเข้าถึงง่าย โดยมีแรงบันดาลใจจากสถานการณ์จริงในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีอัตราการเกิดโรคสูง และมีหน่วยงานในพื้นที่คือ มูลนิธิเพื่อวิจัยโรคมะเร็งท่อน้ำดีโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ที่ต้องการนวัตกรรมในการสื่อสารความรู้ไปยังชุมชน ทีมจึงพัฒนาบอร์ดเกมที่จำลองสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน แทรกความรู้เรื่องการบริโภคอาหารปลอดภัย การปรุงสุก และหลีกเลี่ยงพยาธิใบไม้ในตับ โดยแฝงเนื้อหาสุขภาพที่มีประโยชน์และเข้าใจง่าย โดยตลอดกระบวนการ ทีมเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเนื้อหาและการออกแบบ แต่ด้วยความร่วมมือกันของทีมและคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา จึงสามารถพัฒนาผลงานนี้ให้สมบูรณ์และสามารถนำไปใช้งานจริงได้ในชุมชน
“หลังได้รับรางวัล เรานำผลงานไปจดอนุสิทธิบัตรและส่งมอบให้มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดีโรงพยาบาลศรีนครินทร์ รวมถึงโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ในระดับชุมชน ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ปีนี้จึงอยากชวนน้อง ๆ หรือผู้สนใจเข้าร่วมเวทีประกวด เพราะนอกจากจะได้ฝึกฝนทักษะการพัฒนาไอเดีย การ Pitching และการทำงานเป็นทีมแล้ว ยังได้ประสบการณ์และการสนับสนุนจากเมนเทอร์อย่างใกล้ชิด โครงการนี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่ผลงาน แต่สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นนักคิดที่กล้าฝันและลงมือทำจริง เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ ค่ะ”
ปิดท้ายที่รุ่นพี่แชมป์รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทบุคคลทั่วไปและ Startup นางสาวภัณชยา รักษาสกุล (เกี้ยว) ตัวแทนจากทีมฟาร์มเก๋า (FarmKao+) เจ้าของนวัตกรรมโรงเรือนปลูกผักออร์แกนิค จาก Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2022 กล่าวว่า ฟาร์มเก๋าเริ่มต้นจากแนวคิดเล็ก ๆ ที่อยากจะสร้างพื้นที่ปลูกผักให้กับผู้สูงอายุและคนเมืองในพื้นที่จำกัด ด้วยโมเดล “ปลูก-สู่-ปาก” ที่ผสานนวัตกรรมระบบน้ำอัจฉริยะกับองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ป้า ๆ ลุง ๆ ปลูกผักกินเองได้ง่าย ๆ บริเวณข้างบ้าน โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประกวดฟาร์มเก๋าได้รับการต่อยอดสู่การจัดเวิร์กชอปร่วมกับ อบต. อบจ. สถาบันการศึกษา รวมถึงความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและเครือข่ายเกษตรกรรายย่อย เพื่อขยายสู่ตลาดและชุมชน โดยเน้นสร้างความตระหนักรู้เรื่องอาหารปลอดภัยและการบริโภคอย่างยั่งยืน รวมถึงเชื่อมโยงผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งในโรงเรียน องค์กร และคอมมูนิตี้ฟาร์ม
“สิ่งที่ทำให้ฟาร์มเก๋าประสบความสำเร็จคือ ความตั้งใจจริงของทีม ความร่วมมือกับภาคีท้องถิ่น ลงมือทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมองว่าเกษตรอินทรีย์และเทคโนโลยียังมีโอกาสอีกมากสำหรับคนรุ่นใหม่ และอยากเชิญชวนผู้สนใจ โดยเฉพาะ Startup ที่มีต้นแบบนวัตกรรมหรือต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานจริง รวมถึงน้อง ๆ ที่มีไอเดียเพื่อสังคม แต่ยังไม่มั่นใจ ให้ลองสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ เพราะนอกจากจะได้คำแนะนำจากเมนเทอร์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว ยังได้ลงมือพัฒนาผลงานจริง พร้อมต่อยอดไปสู่แผนธุรกิจหรือขยายผล สิ่งที่เรามีอาจดูเล็กน้อยในตอนแรก แต่หากได้รับการสนับสนุนที่ดีก็สามารถพัฒนาเป็นนวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ให้คนอีกมากมาย”