Automotive info

อีวี ไพรมัสชู WULING Binguo EV ทางเลือกที่คุ้มค่าธุรกิจเรียกรถบริการ



กรุงเทพฯ ประเทศไทย – [30 มิถุนายน 2568] – บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์วู่หลิง (WULING) แต่ผู้เดียวในประเทศไทย (Sole Distributor) ได้เข้าร่วมงาน “Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025” โดยอีวี ไพรมัส ได้นำยานยนต์ไฟฟ้า “WULING BINGUO EV” มาจัดแสดงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเหมาะสำหรับธุรกิจบริการเรียกรถ (Ride-Hailing Service) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ขับขี่รถ City EV และเป็นการตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ต้องการควบคุมต้นทุน

นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยว่า “อีวี ไพรมัส ในฐานะที่เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์วู่หลิง (WULING) แต่ผู้เดียวในประเทศไทย เราเลือกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดมาจำหน่ายในประเทศไทย ไม่เพียงแค่สำหรับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ยังรวมถึงการนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ด้วย เรามองเห็นคุณภาพที่เหมาะสมของยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาพลิกโฉมของธุรกิจบริการรถรับส่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ธุรกิจบริการเรียกรถในประเทศไทย”

ในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ อีวี ไพรมัส ได้แนะนำ WULING BINGUO EV ให้กับผู้เข้าร่วมงานซึ่งเป็น City EV เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นต้องการเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า ตอบสนองสำหรับผู้ใช้งานในเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ประสิทธิภาพการขับขี่ได้มาตรฐาน อัตราเร่งที่ดี และช่วงล่างที่นุ่มนวล ซึ่งถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ เหมาะสมกับการขับขี่ในสภาพการจราจรหนาแน่นของกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ตัวรถมีขนาดกว้างนั่งสบายกว่า Eco Car พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในราคาที่จับต้องได้จริง ๆ คุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ

นายพิทยา กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจบริการเรียกรถในประเทศไทย หนึ่งในโอกาสสำคัญที่เราต้องการชี้ให้เห็นประเด็นหลักของการใช้รถ EV โดยเฉพาะในแง่ของความคุ้มค่าที่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่จะได้รับจากการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า WULING BINGUO EV ที่มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนของค่าพลังงานไฟฟ้าที่ประหยัดกว่าค่าน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก รวมถึงค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายใน”

ที่สำคัญคือรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีมลภาวะ และประหยัดพลังงานมากกว่า Eco Car อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณ “ต้นทุนต่อคุณค่า” (Cost-to-Value) ที่ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการจะได้รับจากการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในธุรกิจบริการเรียกรถ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยข้อมูลจากอุตสาหกรรมของธุรกิจเรียกรถบริการ (Ride-Hailing Industry) ยังระบุว่าผู้ขับขี่ในระบบแอปพลิเคชันเรียกรถในไทยมีรายได้เฉลี่ย30,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำกว่า 250% ซึ่งเมื่อรวมกับต้นทุนที่ลดลงจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งส่งผลให้ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการนั้นสามารถเพิ่มรายได้สุทธิและมีผลกำไรในระยะยาวได้ โดยความคุ้มค่านี้มาพร้อมกับรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและพื้นที่วางขาที่ออกแบบมาอย่างลงตัว (Legroom) ทำให้ผู้โดยสารนั่งสบาย ไม่อึดอัด แม้ในระยะทางที่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งไม่ใช่แค่ความคุ้มค่าเพียงเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเท่านั้น ยังรวมถึงลูกค้าที่ต้องการเริ่มใช้รถยนต์ไฟฟ้า จะได้สัมผัสถึงความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป WULING BINGUO EV จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าคุ้มค่า แต่ยังเป็นทางเลือกที่พร้อมต่อยอดสู่โอกาสทางธุรกิจ และการเดินทางที่ยั่งยืนในอนาคต”

งาน Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้นำในธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย นักนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ อภิปรายถึงแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสในการสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน โดยมีหัวข้อหลักที่น่าสนใจ เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ความปลอดภัย กรอบการกำกับดูแล และการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับ ตลาดบริการเรียกรถประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยมูลค่าตลาดรวมที่ Statista.com คาดการณ์ว่าจะสูงถึงกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในการใช้บริการจากแพลตฟอร์มชั้นนำต่าง ๆ ที่มีฐานผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่ พฤติกรรมการเดินทางของผู้คนกำลังเปลี่ยนไปสู่การพึ่งพาบริการขนส่งสาธารณะและบริการเรียกรถมากขึ้น ลดความจำเป็นในการเป็นเจ้าของรถส่วนตัว ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญของ "Mobility as a Service (MaaS)" ที่ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม