In News
'ประเสริฐ’เปิดมหกรรมเครือข่ายสตาร์ตอัป ชูไทยศูนย์นวัตกรรมในงาน‘SITE 2025’

กรุงเทพฯ-นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดมหกรรมนวัตกรรมและเครือข่ายสตาร์ตอัป ‘SITE 2025’ หนุนไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมภูมิภาค เปิดทางสตาร์ตอัปไทยเติบโตระดับโลก
วันนี้ (4 กรกฎาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 หรือ SITE 2025 ที่จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ภายใต้แนวคิด ‘Global Innovation Partnership – AI & Sustainability: The Next Era of Innovation’ ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านนวัตกรรมในระดับภูมิภาค ส่งเสริมการเชื่อมต่อสตาร์ตอัปไทยกับเครือข่ายนานาชาติในเชิงยุทธศาสตร์ โดยมีตัวแทนจาก 11 ประเทศพันธมิตรทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟินแลนด์ สวีเดน เช็ก ฮังการี สวิตเซอร์แลนด์ กาตาร์ และชิลี เข้าร่วมงาน ว่า รัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็น ‘ชาติแห่งนวัตกรรม’ อย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเป้าหมาย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน และ FinTech พร้อมส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย บุคลากร และการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ตอัปไทยในระยะยาว
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า NIA ในฐานะ Focal Conductor มุ่งขับเคลื่อนและยกระดับนวัตกรรมของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด 4G ได้แก่ Groom, Grant, Growth และ Global เพื่อบ่มเพาะ สนับสนุน และผลักดันนวัตกรรมไทยสู่สากล โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศที่ช่วยให้สตาร์ตอัปไทยมีเวทีในการเติบโตและแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
ภายในงานตลอด 3 วัน (4 – 6 กรกฎาคม 2568) มีกิจกรรมไฮไลต์ที่สำคัญ ได้แก่ การสัมมนากว่า 50 หัวข้อจากวิทยากรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศบน 3 เวทีหลัก ได้แก่ Main Stage, Global Stage และ Pitch Stage รวมถึงนิทรรศการผลงานนวัตกรรมจากผู้ประกอบการกว่า 300 ราย การแข่งขัน Startup Thailand League รอบชิงชนะเลิศ และกิจกรรม 100 Startup Pitching ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปได้แสดงศักยภาพในเทคโนโลยีมาแรง อาทิ AI, Deep Tech และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
นอกจากนี้ NIA ยังเปิดตัวข้อมูลอัปเดตของ Startup Universe 2025 ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเชิงลึกของระบบนิเวศสตาร์ตอัปไทย เพื่อใช้วิเคราะห์แนวโน้ม กำหนดนโยบาย และสนับสนุนการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบ และอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญ คือการเปิดตัว Acceleration Program เพื่อสนับสนุนการเติบโตและการขยายตลาดต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีการแนะนำรายละเอียดในเวที Pitch Stage ปิดท้ายด้วยโซน Prime Minister Awards รางวัลเกียรติยศระดับประเทศ รางวัลสตาร์ทอัพระดับประเทศ และความร่วมมือด้านนวัตกรรมระดับสากล ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนในระบบนวัตกรรม ตั้งแต่ผู้พัฒนาเทคโนโลยี นักลงทุน นักวิจัย ภาครัฐไปจนถึงเยาวชนและนิสิตนักศึกษา ได้มีส่วนร่วมในเวทีขับเคลื่อนอนาคตร่วมกัน
ทั้งนี้ ภายหลังพิธีเปิด เวที SITE 2025 เริ่มฟอรั่มแรกด้วยการเสวนาระดับนานาชาติในหัวข้อ “Innovation Ecosystem and National Competitiveness in the Face of Global Uncertainties” โดยผู้แทนระดับสูงจาก 5 ประเทศพันธมิตร ได้แก่ ชิลี ฟินแลนด์ เช็ก สวีเดน และฮังการี ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองด้านนวัตกรรมในบริบทเศรษฐกิจโลกที่ท้าทาย สะท้อนพลังของแนวคิด Global Innovation Partnership อย่างเป็นรูปธรรม จากนั้นเป็นเวทีบรรยายจากผู้นำองค์กรระดับโลก เช่น Microsoft, Huawei, C.P. Group, NIDA, BJC และไปรษณีย์ไทย ที่มาร่วมเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ AI, การทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ความยั่งยืน และโอกาสการขยายตลาดสตาร์ตอัปไทยในเวทีโลก โดยมีหน่วยงานสนับสนุนการส่งออกและการลงทุนจากสวิตเซอร์แลนด์ เช็ก ญี่ปุ่น และฮ่องกง ร่วมแสดงแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการผลักดันสตาร์ตอัปสู่การเติบโตระดับนานาชาติ
อีกทั้งในวันที่ 5 กรกฎาคม จะเน้นเจาะลึกประเด็นเทคโนโลยี AI ผ่าน AI Forum ตลอดทั้งวัน ประกอบด้วย 4 Session ได้แก่ การพัฒนาระบบนิเวศ AI ของไทยในระดับนโยบาย การประยุกต์ใช้ AI ในการตลาดและการสร้างแบรนด์ กลยุทธ์รับมือการมาถึงของ AGI และ Quantum AI และการใช้ Agentic AI และ LLM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในภาคธุรกิจ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก Google Cloud, SCB10X, BOTNOI, AIS, KBTG และสถาบันการศึกษาระดับแนวหน้าร่วมให้ความรู้
ส่วนวันที่ 6 กรกฎาคม ปิดท้ายด้วยเวที Sustainability Forum ที่รวบรวมผู้นำจากองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ปตท., กัลฟ์, กสิกรไทย, SCBX รวมถึงนักคิด นักสื่อสาร และนักสิ่งแวดล้อม ที่จะร่วมถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของนวัตกรรมในการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่ยั่งยืน
นอกจากกิจกรรมเวทีแล้ว ภายในงานยังมี โซนนิทรรศการนวัตกรรม ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น โซนสตาร์ตอัปไทยและต่างประเทศที่นำเสนอเทคโนโลยีต้นแบบ โซนองค์กรนวัตกรรมภาคเอกชน โซนหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมทั้งในด้านกองทุน ทุนสนับสนุน และการพัฒนาโครงการ เช่น NIA, depa, TED Fund, BOI, DITP, TCEB เป็นต้น รวมถึงโซนการศึกษาและการบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ และโซนหน่วยงานต่างประเทศ ที่มาร่วมแสดงนโยบาย แพลตฟอร์มสนับสนุน และโอกาสการลงทุนในประเทศตน เช่น NEDO (ญี่ปุ่น), Invest Hong Kong, Enterprise Singapore, Business Finland, Switzerland Global Enterprise, Qatar Financial Centre และอีกหลายองค์กรจากยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ที่พร้อมเปิดประตูให้สตาร์ตอัปไทยก้าวสู่ตลาดโลก