Biz news
รายงานแคสเปอร์สกี้เผยอุตฯก่อสร้างเป็น เป้าหลักของภัยคุกคามICSในอาเซียน

กรุงเทพฯ-ข้อมูลล่าสุดของแคสเปอร์สกี้พบว่า ในไตรมาสที่1 ปี2025 สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงให้เห็นถึงสัดส่วนจำนวนคอมพิวเตอร์ICS ที่วัตถุอันตรายถูกบล็อกในภาคการก่อสร้างและการผลิตที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกพบว่าคอมพิวเตอร์ICS ที่วัตถุอันตรายถูกบล็อกในภูมิภาคนี้มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าในอุตสาหกรรมต่อไปนี้
- การก่อสร้าง — สูงกว่า1.5เท่า
- การผลิต — สูงกว่า1.3เท่า
- ระบบอัตโนมัติในอาคาร — สูงกว่า1.2เท่า
- พลังงานไฟฟ้า — สูงกว่า1.2เท่า
- ผู้ติดตั้งระบบวิศวกรรมและICS — สูงกว่า1.2เท่า
โดยรวมแล้วจำนวนคอมพิวเตอร์ICS ที่วัตถุอันตรายถูกบล็อกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นอันดับสองของโลกโดยมีสัดส่วนที่29.1%
อุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศอุตสาหกรรมการก่อสร้างในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่6.2%ตั้งแต่ปี2024ถึง2028อุตสาหกรรมการก่อสร้างของประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค
สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้นที่4.5% ในช่วงปี2024 -2028โดยคาดว่าผลผลิตการก่อสร้างของประเทศไทยจะสูงถึง584.9 พันล้านบาทภายในปี2028ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้การใช้งานและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเช่นเอไอและระบบอัตโนมัติยังให้โอกาสมากมายและส่งผลให้กิจกรรมต่างๆในภาคการก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไรก็ตามการเติบโตนี้ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงทางไซเบอร์อีกด้วย
เอเดรียนเฮียกรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแคสเปอร์สกี้กล่าวว่า “ภาคก่อสร้างกำลังได้รับแรงผลักดันเพิ่มเติมผ่านดิจิทัลไลเซชัน ซึ่งรวมทุกอย่างตั้งแต่การเร่งซัพพลายเชนในภาคก่อสร้างไปจนถึงการติดตามประสิทธิภาพ ความคืบหน้า และการขนส่ง เมื่อบริษัทก่อสร้างหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ความเสี่ยงและโอกาสก็จะเกิดขึ้นอย่างสมดุล โดยธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องลดภัยคุกคามที่มาพร้อมโอกาสใหม่ๆ อย่างครอบคลุมเพื่อเสริมสร้างชั้นการป้องกันและความสามารถในการฟื้นตัว”
“ในปี 2025และปีต่อๆ ไป อุปกรณ์ดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมอาจกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์เนื่องจากมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ล้าสมัย อาคารสถานที่ในพื้นที่ห่างไกลที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เครือข่ายราคาไม่แพงมักถูกโจมตีได้ง่าย ดังนั้น การแก้ไขมาตรการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับเทคโนโลยีเก่าและที่ผ่านการทดสอบมาแล้วจึงมีความจำเป็นมากกว่าที่เคย สิ่งสำคัญคือต้องไม่มองการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ว่าเป็นต้นทุน แต่เป็นการลงทุนเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยที่ไม่เพียงแต่ปกป้องทรัพย์สินและข้อมูลเท่านั้น แต่ยังรักษาความไว้วางใจที่ทุ่มเทสร้างขึ้นมาร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรอีกด้วย จึงถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมก่อสร้างจะต้องยกระดับการป้องกันและสร้างอนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืน” เอเดรียนกล่าวเสริม
ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้แนะนำบริษัทอุตสาหกรรมดำเนินการต่อไปนี้เพื่อการปกป้องจากภัยคุกคามต่างๆดังนี้
- ดำเนินการประเมินความปลอดภัยของระบบOT เป็นประจำเพื่อระบุและกำจัดปัญหาความปลอดภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้
- จัดทำการประเมินและคัดกรองความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นพื้นฐานสำหรับกระบวนการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพโซลูชันเฉพาะทางอย่างKasperskyIndustrialCyberSecurityสามารถเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพและแหล่งข้อมูลเฉพาะทางที่ใช้งานได้ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นสาธารณะไม่สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด
- การอัปเดตส่วนประกอบสำคัญของเครือข่ายOT ขององค์กรอย่างทันท่วงทีการแก้ไขและแพตช์ด้านความปลอดภัยหรือใช้มาตรการชดเชยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจทำให้สูญเสียเงินหลายล้านเหรียญเนื่องจากกระบวนการผลิตหยุดชะงัก
- การใช้โซลูชันEDR อย่างKasperskyNextEDRExpertเพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่ซับซ้อนตรวจสอบและแก้ไขเหตุการณ์ทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับปรุงการตอบสนองต่อเทคนิคอันตรายใหม่และขั้นสูงโดยสร้างและเสริมสร้างทักษะของทีมงานในการป้องกันตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยของOT โดยเฉพาะสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยไอทีและบุคลากรOT เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้