Authority & Harm

จเรตำรวจเตือนอย่าเป็นคนไทยขายชาติ โทษหนักจำคุก41ปีบัญชีม้ารวบอีก6คน



กรุงเทพฯ-จเรตำรวจแห่งชาติเตือนเข้มอย่าเป็นคนไทยขายชาติ โทษหนักจำคุก 41 ปี บัญชีม้า ล่าสุดสั่งตะครุบตัว 6 คนไทยถูกส่งตัวกลับ ตรวจสอบเกี่ยวข้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (14 กรกฎาคม 2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบุคคลที่ทางการกัมพูชาส่งกลับประเทศไทยผ่านทางท่าอากาศยาน เป็นคนไทยจำนวน 6 คน อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่ นายภูวนัย , นางสาวสุวิมล ส่งตัวมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วน นางสาวปรียา , นางสาววัลลภา , นายจักรกฤษณ์ และ นายพรชัย ส่งตัวมายังท่าอากาศยานดอนเมือง ได้มอบหมายให้สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ , สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี , สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง , สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก , กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 , กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 , กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัวทั้ง 6 คน สอบสวนปากคำ และตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีการกระทำความผิดจะเข้าสู่การดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย และขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เตือนเข้มอย่าเป็นคนไทยขายชาติที่ไปร่วมขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะการดำเนินคดีคนไทยที่ไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความเด็ดขาดและได้รับโทษสูง เช่น กรณีแก๊งธุระจัดหาฯ และบัญชีม้า คนไทย 6 ราย ศาลพิพากษาจำคุกสูงสุดถึง 119 ปี 234 เดือน ข้อหา “อั้งยี่ ซ่องโจร ฉัอโกง , ความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบปรามการมีส่วนร่วมใบองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ , ความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการพ่อกเงิน และความผิดต่อพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยรายที่ 1 (บัญชีม้า) จำคุก 41 ปี 258 เดือน , รายที่ 2 (บัญชีม้า) จำคุก 41 ปี 243 เดือน , รายที่ 3 (บัญชีม้า) จำคุก 41 ปี 252 เดือน , รายที่ 4 (บัญชีม้า) จำคุก 41 ปี 249 เดือน , รายที่ 5 และ 6 (ธุระจัดหาฯ) จำคุกคนละ 119 ปี 234 เดือน (คงจำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91(3)) พร้อมยึดทรัพย์สินรถยนต์ 4 คัน และของกลางอื่นๆ คืนทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย 39 ราย รวมมูลค่าเกือบ 6 ล้านบาท