Think In Truth

อะดรีโนโครม: ทฤษฎีสมคบคิดความเชื่อ ที่เหนือจริยธรรม โดย: ฟอนต์ สีดำ



ในโลกยุคปัจจุบันที่ข่าวสารไหลบ่าและความจริงกลายเป็นเรื่องต่อรองได้ การกลับมาของ “อะดรีโนโครม” ในฐานะสารลึกลับซึ่งถูกโยงเข้ากับพิธีกรรมบูชายัญและการฆ่าเด็ก เพื่อสกัดพลังอายุวัฒนะ กลายเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนตำนานมืดจากยุคโบราณเข้าสู่ความหวาดระแวงในศตวรรษที่ 21 ภายใต้เงาของทฤษฎีสมคบคิดอันแพร่สะพัด

อะดรีโนโครม: สารเคมีธรรมดากับความเข้าใจผิดอันวิปลาส

อะดรีโนโครม (Adrenochrome) เป็นสารเคมีที่มีอยู่จริง ถูกค้นพบตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยเป็นผลพลอยได้จากการสลายตัวของอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด ความกลัว หรือสถานการณ์เร่งด่วน สารนี้สามารถสังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้จากร่างกายมนุษย์แต่อย่างใด

ไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ชิ้นใดที่ระบุว่าอะดรีโนโครมมีฤทธิ์ต่อสมอง ช่วยชะลอวัย หรือให้ความรู้สึกหลอนแบบยาเสพติด ความสามารถของสารดังกล่าวจึงอยู่ในขอบเขตของเคมีพื้นฐานมากกว่าจะเป็น "น้ำอมฤต" แห่งอมตะภาพอย่างที่บางกลุ่มเชื่อกัน

จากวรรณกรรมสู่ขบวนการข่าวปลอม

กระนั้นเอง “อะดรีโนโครม” กลับกลายเป็นตัวละครสำคัญในทฤษฎีสมคบคิด โดยเฉพาะเมื่อมันไปปรากฏในวรรณกรรมของ Hunter S. Thompson เรื่อง Fear and Loathing in Las Vegas ซึ่งกล่าวถึงสารลึกลับที่ถูกสกัดจากต่อมของมนุษย์และให้ผลหลอนประสาทรุนแรง แม้เป็นเพียงนิยาย แต่ก็ถูกนำไปตีความผิดในโลกออนไลน์ และถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับกระแสทฤษฎีสมคบคิดที่ชื่อว่า QAnon

กลุ่ม QAnon เป็นขบวนการกระจายข่าวปลอมที่มีอิทธิพลอย่างสูงในยุคดิจิทัล โดยอ้างว่ามีเครือข่ายลับของบุคคลระดับสูง เช่น นักแสดงชื่อดัง นักการเมือง และมหาเศรษฐี ที่มีส่วนร่วมในพิธีกรรมซาดิสต์อย่างการลักพาตัว ทรมาน และสังหารเด็กเพื่อรีดเอาอะดรีโนโครม ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าสารนี้มีคุณสมบัติเหนือธรรมชาติในการยืดอายุและมอบพลังเหนือมนุษย์

แนวคิดนี้ได้แพร่กระจายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น YouTube, TikTok, Facebook หรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาแนวชวนเชื่อ ทั้งที่ไม่เคยมีหลักฐานหรือข้อมูลวิทยาศาสตร์ใด ๆ รองรับ ข้อมูลจากแวดวงการแพทย์กลับยืนยันว่าอะดรีโนโครมอาจเพียงมีฤทธิ์ทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้นในบางกรณีเท่านั้น

เมื่อทฤษฎีใหม่ฟื้นคืนตำนานเก่า

แท้จริงแล้ว แนวคิดเรื่องการ “ฆ่าเด็กเพื่อเอาเลือด” นั้นไม่ได้ถือกำเนิดในยุคสมัยนี้ หากแต่มีรากเหง้าอยู่ในประวัติศาสตร์ยาวนานที่เรียกว่า Blood Libel” — ความเชื่อเก่าแก่ที่แพร่หลายในยุโรปยุคกลาง ซึ่งกล่าวหาชาวยิวว่าลักพาตัวและสังหารเด็กคริสต์เพื่อใช้เลือดในพิธีกรรมทางศาสนา แม้ข้อกล่าวหาเหล่านั้นจะไม่มีหลักฐานใด ๆ รองรับ แต่ก็ได้นำไปสู่เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกีดกัน และความเกลียดชังที่ฝังแน่นในสังคมยุโรปมาอย่างยาวนาน

การที่อะดรีโนโครมกลับมาเป็นหัวข้อในทฤษฎีสมคบคิดอีกครั้งในศตวรรษที่ 21 จึงมิใช่เพียงกระแสอินเทอร์เน็ตชั่วคราว แต่เป็นการฟื้นคืนตำนานเลือดในรูปแบบใหม่ ผ่านการแต่งเติมด้วยความกลัวสมัยใหม่ ความไม่ไว้วางใจในผู้มีอำนาจ และภาวะข้อมูลล้นเกินที่ขาดการกลั่นกรอง

ข้อเท็จจริงกับความเชื่อ: เส้นแบ่งที่ควรระวัง

จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าอะดรีโนโครมมีคุณสมบัติพิเศษต่อร่างกายหรือจิตใจของมนุษย์ ความเชื่อที่ว่ามีการลักพาตัวเด็กเพื่อรีดสารนี้ออกมานั้นจึงอยู่ในขอบเขตของเรื่องแต่ง ที่ได้รับอิทธิพลจากตำนาน ความหวาดกลัว และการบิดเบือนข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย

คำถามที่หลงเหลืออยู่จึงมิใช่เพียงว่า “สารนี้มีจริงหรือไม่” แต่เป็นว่า “เราจะยอมให้ข้อมูลลวงกลายเป็นความจริงในจินตนาการของสังคมหรือไม่?”

ความเชื่อที่อยู่เหนือจริยธรรมของความเป็นมนุษย์ ได้นำไปสู่แนวคิดในการรีเช็ตโลก ที่มีกลุ่มชนชั้นสูง กลุ่มอิทธิพล กลุ่มนักธุรกิจทางการเงินที่กุมอิทธีพลเหนือโลก วางกับดักหนี้สินแห่งความเป็นทาสอย่างนิรันดร์ของมนุษยชาติ และแนวคิดแห่งการมองคนไม่ใช่คน โดยมองคนเป็นเครื่องมือในการสนองความต้องการของตนเป็นหลัก จากทฤษฎีสมคบคิดของกลุ่ม Qanon ค่อยกลายเป็นความจริง ที่ไล่ล่าเครือข่ายลับของชนชั้นสูง เพื่อปรับเข้าสู่โปรโตคอลแห่งกฏหมายโลก GESARA & NESARA ที่เปรียบเสมือนกับรัฐธรรมของของโลกในอนาคต

แหล่งอ้างอิง:

  1. Hunter S. Thompson, Fear and Loathing in Las Vegas (1971)
  2. National Library of Medicine, Adrenochrome and its pharmacological properties
  3. The Atlantic – The Prophecies of Q: American Conspiracy Theories in the Digital Age, 2020
  4. The Guardian – QAnon and the Spread of Online Disinformation, 2021
  5. Britannica – Blood Libel, historical accusations and their impacts