Travel Sport & Entertain
ปิดฉาก! เทศกาลอีสานสร้างสรรค์2568 บทพิสูจน์ความสำเร็จ'คน-ธุรกิจ-เมือง'

จบลงไปแล้วอย่างสวยงามสำหรับการจัดเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 หรือ Isan Creative Festival 2025 (ISANCF2025)เทศกาลฯไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพสร้างสรรค์แต่ยังเป็น “แพลตฟอร์ม” ที่สะท้อนพลังของผู้คนจากหลากหลายกลุ่มที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับ “คน-ธุรกิจ-เมือง” ของตนเองเทศกาลฯไม่เพียงเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของเมืองแต่ยังเปลี่ยนแปลง “วิธีคิด” ของผู้คนให้กล้าลงมือทำและริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วภาคอีสานตลอด 9 วันของการจัดงาน ISANCF2025 ที่จังหวัดขอนแก่นเป็นหลักได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 956 ล้านบาทมีผู้เข้าร่วมทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่น้อยกว่า 200,000 คนผู้ร่วมจัดงานในภูมิภาคอีสานและอื่น ๆ กว่า 1,000 คนและเครือข่ายต่างประเทศที่เข้าร่วม 9 ประเทศได้แก่สปป.ลาวกัมพูชาเวียดนามจีนญี่ปุ่นอินโดนีเซียฟิลิปปินส์ออสเตรเลียและฟินแลนด์นอกจากนี้เทศกาลฯได้ทำหน้าที่เชื่อมต่อคนรุ่นใหม่ที่อยากกลับบ้าน, คนรุ่นเก๋าที่อยากส่งต่อความเชี่ยวชาญ, นักวิชาการที่ต้องการต่อยอดผลงานในเชิงพาณิชย์, นักธุรกิจที่ได้รับแรงบันดาลใจและอัปสกิลของตนเอง, นักสร้างสรรค์ที่ได้โชว์ศักยภาพและจำหน่ายผลงาน, นักพัฒนาเมืองที่อยากเห็นอีสานเติบโตทั้งภูมิภาค ตลอดจนหลายครอบครัวที่ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนและสัมผัสโลกของความสร้างสรรค์ ในเทศกาลฯพร้อมต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนด้วยความภาคภูมิใจ ทั้งหมดนี้สะท้อนพลังของเทศกาลสร้างสรรค์ระดับภูมิภาคที่สามารถยกระดับ “คน” ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทุกมิติได้อย่างเป็นรูปธรรม
ดร. ชาคริตพิชญางกูรผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์กล่าวว่า “ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาของการจัดเทศกาลฯเราเริ่มเห็นแนวทางของการพัฒนาภูมิภาคอีสานให้มีความโดดเด่นในฐานะ ‘พื้นที่ทางเศรษฐกิจ’ ทั้งการพัฒนาพื้นที่ทดลอง (Sandbox) ให้กับผู้ประกอบนักสร้างสรรค์ศิลปินและชุมชน, การพัฒนาคอนเทนต์วัฒนธรรมอีสานให้สามารถต่อยอดเชิงเศรษฐกิจการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของอีสานให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ พร้อมกับการวางโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงของหน่วยงานรัฐส่วนท้องถิ่นที่ร่วมกันยึดแนวคิด ‘อีสานสร้างสรรค์’ เป็นสำคัญนั่นคือการเน้นย้ำว่าอีสานพร้อมแล้วที่จะเป็น ‘ภูมิภาคแห่งโอกาส’ และสนับสนุนกระบวนการ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของประเทศฉะนั้น Roadmap ของเทศกาลฯในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปจะเป็นโมเดลที่ผสมผสานความเป็นอีสานแบบ ‘Glocal Collaboration’ หรือการพัฒนาอีสานในศตวรรษที่ 21 ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลกเช่นการ Scaling Up ธุรกิจสร้างสรรค์ให้พร้อมสู่ตลาดจริง, การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ (Global Partnership), การให้องค์ความรู้และมุมมองเทรนด์แห่งอนาคต, การผลักดันการสร้าง Isan Creative Export Platform, การเปิดโอกาสให้กลุ่ม Isan Homecomerกลับมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในบ้านเกิดรวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นเส้นทางที่เราวางไว้จะช่วยขับเคลื่อนโอกาสใหม่ให้แก่อีสานโดยครอบคลุมทั้งมิติธุรกิจคนและการพลิกโฉมเมืองไปพร้อม ๆ กันได้อย่างมั่นคง”
จากแนวคิด “อีสานโชว์พ(ร)าว – ISAN SOUL PROUD” ของการจัดเทศกาลฯในปีนี้สิ่งที่ปรากฏเด่นชัดตลอดเทศกาลฯคือภาพของ “พลังแห่งความร่วมมือ” ที่ไม่ได้มาจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแต่เป็นการผนึกกำลังของทุกภาคส่วนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันตั้งแต่ CEA ในฐานะผู้จัดงานหลักภาคธุรกิจกลุ่มนักสร้างสรรค์และศิลปินพลังของชุมชนท้องถิ่นและพันธมิตรระดับโลกที่ร่วมกันนำ “คุณค่า” ในแบบฉบับของตนเองมาต่อยอดให้กลายเป็นภาพใหญ่ของเศรษฐกิจอันน่าทึ่งของอีสานยุคใหม่เทศกาลฯได้มีการนำเสนอศักยภาพของอีสานใน 3 มิติหลักอย่างชัดเจนทั้งโอกาสจากต้นทุนทางวัฒนธรรมที่นำรากเหง้าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมมาผลักดันซอฟต์พาวเวอร์, โอกาสจากศักยภาพของพื้นที่ในการพัฒนา “ชุมชนสาวะถี” และ “โคลัมโบ” ให้เป็นย่านน่าอยู่น่าลงทุนและน่าเที่ยว รวมถึงโอกาสจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่นำองค์ความรู้ท้องถิ่นมาต่อยอดธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดกิจกรรมกว่า 200 โปรแกรมใน 7 รูปแบบทั้งหมดนี้ได้ถูกขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบผ่านแกนหลักที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่าง “คน-ธุรกิจ-เมือง”
คน: เมื่อซอฟต์พาวเวอร์เริ่มต้นจากความภาคภูมิใจในตัวตน
หัวใจสำคัญของเทศกาลฯไม่ใช่เวทีหรืองานจัดแสดงหากแต่คือ “คน” ที่ลุกขึ้นมาสร้างคุณค่าจากสิ่งที่ตัวเองเป็นเทศกาลฯในปีนี้จึงเป็นภาพสะท้อนความหลากหลายของ “ตัวตน” จากทุกช่วงวัยตั้งแต่นักศึกษาดีไซเนอร์รุ่นใหม่ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ไปจนถึงศิลปินผู้กลับบ้านเกิดเพื่อเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ จากทุนทางวัฒนธรรมที่มีไม่ว่าจะเป็นการแสดงพลังสร้างสรรค์ผ่านแฟชั่นโชว์ “อีสานโชว์พ(ร)าว” ที่นำเสนอความร่วมสมัยของอัตลักษณ์อีสานผ่านผลงานของดีไซเนอร์รุ่นใหม่, ISAN Music Talent พื้นที่โชว์ศักยภาพของศิลปินทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก๋าในเวทีดนตรีร่วมสมัย ไปจนถึงนิทรรศการกลับอีสานดีกว่า! The Pavilion ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชาวอีสานคืนถิ่นซึ่งเลือกกลับบ้านมาสร้างตัวสร้างธุรกิจและสร้างอนาคตใหม่ด้วยทุนทางวัฒนธรรมที่ตนเองเติบโตมากับมัน
ในมิติการพัฒนา “คน” เทศกาลฯยังได้รับการสนับสนุนหลากหลายรูปแบบทั้งด้านองค์ความรู้ทักษะและการเข้าถึงเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นเวที Creative Wisdom Talk ที่มุ่งพัฒนาแนวคิดและทักษะสำคัญของนักสร้างสรรค์ยุคใหม่, เวิร์กช็อป Projection Mapping Workshop x TIMAC x Epson ที่เปิดพื้นที่ให้เยาวชนท้องถิ่นได้เรียนรู้เทคโนโลยีการเล่าเรื่องแบบ Immersive Experience รวมถึง Digital Skills for Local Future “ฟ้าวฟิวเจอร์ปล่อยพลังฝันแบบฟ้าว ๆ” โดย Copilot by Microsoftที่ช่วยให้คนทำงานในอีสานเข้าถึงการใช้งาน AI ผู้ช่วยอัจฉริยะบน Microsoft 365 เพื่อยกระดับความสามารถทางดิจิทัลทั้งในชีวิตและธุรกิจนอกจากนี้ยังมีเวที Content Lab: Newcomers ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีส์ไทย เพื่อเปิดโลกทัศน์และสร้างเส้นทางอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่ในภูมิภาคที่สนใจสายงานด้าน Creative Content
ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดสำคัญของเทศกาลฯว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ไม่ได้เริ่มต้นจากแค่นโยบายหรือการตลาดระดับชาติแต่เริ่มต้นจาก “ความภูมิใจในตัวตน” ของคนธรรมดาที่กล้าลุกขึ้นมาเล่าเรื่องของตัวเองอย่างสง่างามและเมื่อคนเริ่มพราวเมืองและภูมิภาคก็พร้อมจะเปล่งประกายไปด้วยกัน
ธุรกิจ: สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจภูมิภาคจากวัฒนธรรม
ในมิติของ “ธุรกิจ” เทศกาลฯปีนี้ได้แสดงให้เห็นว่าอีสานไม่เพียงมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่า แต่ยังพร้อมเป็น “สนามจริง” ของการต่อยอดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ครบเครื่องทั้งด้านเมืองโครงสร้างพื้นฐานบุคลากรสร้างสรรค์ และเครือข่ายนักลงทุนที่พร้อมผลักดันเศรษฐกิจภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืน เช่นงาน ISAN MICE EXPO 2025 โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ที่ยกระดับเทศกาลฯให้กลายเป็นแพลตฟอร์ม B2B เชิงนโยบายจับคู่ธุรกิจจริงระหว่างนักลงทุนนักพัฒนาเมืองและผู้จัดกิจกรรมไมซ์ในภาคอีสานนับเป็นการตอกย้ำศักยภาพของภูมิภาคนี้ในการเป็น “MICE City แห่งใหม่” ของประเทศขณะเดียวกันงาน The Secret Sauce Business Weekend ก็เปิดพื้นที่เรียนรู้ทดลองและเชื่อมโยงเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และแบรนด์สร้างสรรค์รุ่นใหม่ให้สามารถต่อยอดไอเดียสู่การขยายธุรกิจ และเชื่อมโยงกับนักลงทุนระดับประเทศและนานาชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ด้านอุตสาหกรรมอาหาร “จักรวาลลาบก้อย” คือกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมอาหารอีสานไม่เพียงโดดเด่นด้านรสชาติที่น่าจดจำ แต่ยังสามารถพัฒนาเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สร้างมูลค่าผ่านการออกแบบ รสชาติและเรื่องเล่าได้อย่างแข็งแรงขณะที่ “ISAN MU-NIVERSE” หรือ “จักรวาลงานคราฟต์สายมู” ก็เปิดมุมมองใหม่ของเศรษฐกิจจาก “ความเชื่อ” ในฐานะวัตถุดิบทางวัฒนธรรม ที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่าทางจิตใจและมูลค่าทางเศรษฐกิจควบคู่กัน ทางด้าน D-KAK Market ก็เป็นตลาดสร้างสรรค์ที่รวบรวมผลงานของผู้ประกอบการท้องถิ่นวิสาหกิจชุมชนและนักออกแบบอีสานรุ่นใหม่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสทดลองขายจริงเชื่อมโยงกับผู้ซื้อและได้รับคำแนะนำจากนักธุรกิจเพื่อการเติบโตระยะยาว
เทศกาลฯจึงไม่ใช่แค่ “พื้นที่โชว์ไอเดีย” แต่คือ “เวทีธุรกิจจริง” ที่ใช้ทุนวัฒนธรรมเป็นฐานในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ที่แข็งแรง ทั้งในระดับท้องถิ่นภูมิภาคและประเทศ
เมือง: เปลี่ยนย่านและชุมชนเป็นโมเดลพัฒนาเมืองด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น
เทศกาลฯแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า “เมือง” สามารถพัฒนาได้จากฐานวัฒนธรรมของผู้คนไม่ใช่เพียงแค่โครงสร้างกายภาพแต่ได้นำร่องการเปลี่ยนแปลงหลายพื้นที่จาก “ชุมชน” สู่ “ย่านสร้างสรรค์” ที่มีชีวิตผ่านแนวคิด Creative District ที่เชื่อมโยงศิลปะวิถีชีวิตและเศรษฐกิจท้องถิ่นเข้าด้วยกัน
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือโคลัมโบครีเอทีฟดิสทริก (Columbo Creative District) พื้นที่รวมตัวของนักสร้างสรรค์สายอาร์ตคราฟต์ดนตรีภาพถ่ายหัตถกรรมไปจนถึงร้านกาแฟและร้านหนังสืออิสระที่ช่วยกันเปลี่ยนพื้นที่ร้างให้กลายเป็นย่านแห่งแรงบันดาลใจโดยนำเสนอทั้งนิทรรศการการแสดงดนตรีเวทีเล็ก และกิจกรรมจากศิลปินที่สะท้อนตัวตนร่วมสมัยของเมืองขอนแก่นอย่างแท้จริงอีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าจับตามองคือชุมชนสาวะถี ซึ่งถูกยกระดับให้เป็น “ต้นแบบชุมชนวัฒนธรรมสร้างสรรค์” ด้วยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นตั้งแต่หุ่นพื้นบ้านอาหารไปจนถึงเรื่องเล่าของเพื่อนบ้านและวิถีชีวิตมาร้อยเรียงและเล่าใหม่ในบริบทร่วมสมัยโดยยังคงรากวัฒนธรรมไว้อย่างกลมกลืน
ในมิติของการออกแบบเมืองเทศกาลฯยังได้นำเสนอวิสัยทัศน์ของเมืองขอนแก่นผ่านโปรแกรม “ลองStay” ที่เผยศักยภาพในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Long Stay และ Digital Nomad โดยมีจุดแข็งด้านคุณภาพชีวิตต้นทุนที่เหมาะสมระบบขนส่งพื้นฐานและวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้อย่างเป็นมิตร
เทศกาลฯจึงไม่ได้เป็นเพียงงานสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวแต่ยังเป็นกลไกพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนผ่าน “พื้นที่จริง” “คนจริง” และ “ทุนวัฒนธรรม” สู่การเป็นโมเดลเมืองสร้างสรรค์ต้นแบบของภูมิภาค
ก้าวต่อไปของ CEA: ดัน “ธุรกิจสร้างสรรค์” เชื่อม “ตลาดโลก” จัดตั้ง TCDC ในอีสาน4 จังหวัด
เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ที่จัดขึ้นในจังหวัดขอนแก่นเป็นหลักคือจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานใหม่ให้กับโครงสร้างทางเศรษฐกิจวัฒนธรรมและความร่วมมือของทุกภาคส่วนในระยะยาวโดย CEA มุ่งมั่นที่จะกระจายโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์สู่พื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาคอย่างทั่วถึง ผลักดันเครือข่ายธุรกิจสร้างสรรค์ในอีสานให้เชื่อมโยงกับตลาดและโอกาสในระดับโลกได้อย่างเป็นระบบ รวมถึงเดินหน้าขยายการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) แห่งใหม่ในภูมิภาคอีสานตอนล่าง 4 จังหวัดได้แก่นครราชสีมา, สุรินทร์, ศรีสะเกษและอุบลราชธานีจากเดิมที่มี TCDC ขอนแก่นซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2563 นอกจากนี้ยังมุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและผลักดันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเพื่อรองรับการลงทุนการค้าการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์วัฒนธรรมและสุขภาพ เพื่อขับเคลื่อนเมืองขอนแก่นและภูมิภาคอีสานสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่าเมื่อวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นและความภาคภูมิใจในตัวตนของคนอีสานถูกหลอมรวมเข้ากับพลังความคิดสร้างสรรค์ เทศกาลอีสานสร้างสรรค์จึงสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบอนาคตทางเศรษฐกิจ สังคมและเมืองอย่างยั่งยืน รวมทั้งจุดประกายแนวคิดใหม่ให้ทั้งคนในพื้นที่และสังคมไทยได้ตระหนักว่า คนอีสานจะไม่เพียง “โชว์พ(ร)าว” แต่ยังพร้อมเปล่งประกายด้วยตัวเองอย่างสง่างามทั้งในเวทีระดับประเทศและระดับโลก