In News

รัฐฯส่ง4รมต.ลงพื้นที่ดูแลปชช.4จังหวัด โต้เขมรร้องสหรัฐใช้F16ยันปกป้องปชช.



กรุงเทพฯ-รัฐบาลส่ง 4 รัฐมนตรีลงพื้นที่ 4 จังหวัด ดูแลประชาชน รับมือสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเตรียมเที่ยวบินรับคนไทยในกัมพูชา จัดชุดดูแลความปลอดภัย ปชช. 24 ชม.และยืนยัน ไทยใช้หลักฐานสู้ด้วยความจริงในเวทีสหประชาชาติ เผยแพร่ข้อเท็จจริงกรณีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ย้ำจุดยืนสันติภาพภายใต้หลักกฎหมายสากล ชี้ชัดกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน ขณะที่F16ถล่มเขมร ยันเหยี่ยวเวหา F-16 ปฏิบัติภารกิจแบบสุภาพบุรุษเวหาแล้วยันเขมรอย่ามั่วร้องสหรัฐ อย่าตีเนียน หลังเขมร ปล่อยข่าวจะร้องสหรัฐกรณีไทยใช้ F-16ทั้ง ๆ ที่กองทัพเขมรมีพฤติกรรมเป็นอาชญากรรมสงครามยิงใส่พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ขณะที่เหยี่ยวเวหาไทยปฏิบัติภารกิจแบบสุภาพบุรุษนักรบชายชาติทหาร

วันนี้ (25 กรกฎาคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเน้นย้ำให้ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในระดับพื้นที่และส่วนกลาง

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ 
-รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร) ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ 
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายสรวงศ์ เทียนทอง) ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง) ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และ
-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์) ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี 

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่คนไทยในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบและประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประชุมทางไกลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้แทนจากสายการบินพาณิชย์สัญชาติไทย 7 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยเวียตเจ็ท นกแอร์ และไทยไลอ้อนแอร์

ทั้งนี้  ทุกสายการบินแสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจัดเที่ยวบินพิเศษในกรณีจำเป็น เพื่อรับคนไทยกลับประเทศอย่างปลอดภัย ซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

“คณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจะลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมประชาชน รับฟังปัญหา และติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งประสานความช่วยเหลือในทุกมิติ ทั้งด้านความปลอดภัย การดูแลผู้ได้รับผลกระทบ และการฟื้นฟูในระยะต่อไป ทั้งนี้ ขอให้คนไทยในกัมพูชาติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทร. +855 77 888 114 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ โทร. +855 86 608 999 และ Call Center กรมการกงสุล โทร. +66 2572 8442 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายจิรายุ กล่าว

รัฐบาล ยืนยัน ไทยใช้หลักฐานสู้ด้วยความจริงในเวทีสหประชาชาติ เผยแพร่ข้อเท็จจริงกรณีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ย้ำจุดยืนสันติภาพภายใต้หลักกฎหมายสากล ชี้ชัดกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน

นายจิรายุ เปิดเผยอีกว่า รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก (Permanent Mission of Thailand to the United Nations) ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาได้เลือกใช้กำลังทางทหารก่อนและยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมเป็นเครื่องมือในการจัดการกับข้อพิพาท ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีของรัฐภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายหลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงและเสถียรภาพในอาเซียน

โดยล่าสุด คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาไปยังคณะผู้แทนถาวรและคณะผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำสหประชาชาติในนครนิวยอร์กทั้งหมด (Permanent Missions and Permanent Observer Missions to the United Nations in New York) ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. ชี้แจงเหตุทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 ขณะทหารไทยลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนไทย ได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ทำให้ทหาร 2 นายพิการถาวร และอีกหลายรายบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ บ่งชี้ว่าถูกวางไม่นาน
ประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดตั้งแต่ปี 2546 และเลิกใช้เพื่อฝึกอบรมในปี 2562 ขณะที่รายงานของกัมพูชาระบุว่ายังคงครอบครองทุ่นระเบิดชนิดนี้อยู่
2. ชี้แจงเหตุโจมตีทางทหาร เมื่อ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.20 น. ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ และขยายการโจมตีใน 4 จังหวัดชายแดน คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 24 ราย (อาการสาหัส 8 ราย) และมีผู้ต้องอพยพกว่า 102,000 คน ซึ่งการโจมตีแบบไม่เลือกเป้า สร้างความเสียหายแก่พลเรือน โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
3. กัมพูชาละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดมาตรา 2(4) แห่งกฎบัตรสหประชาชาติอย่างชัดเจน ไทยพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แต่จำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 โดยการตอบโต้ของไทยมีขอบเขตจำกัด และมุ่งเฉพาะภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
4. กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ไทยประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และ 4 ถือเป็นการกระทำไร้มนุษยธรรม ที่ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้บริสุทธิ์
5. ไทยยึดมั่นสันติวิธี ยืนยันไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดยิงทันที กลับเข้าสู่การเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งกำหนดการประชุมช่วงต้นเดือนกันยายน 2568

“รัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งแม้ในขณะที่ประเทศไทยได้แสดงวุฒิภาวะของประเทศที่ยึดมั่นตามหลักกฎหมายและความรับผิดชอบ ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกแนวทางที่บ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค โดยเฉพาะการคร่าชีวิตพลเมืองผู้บริสุทธิ์ และทำลายความไว้วางใจจากนานาชาติ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ห่างไกลจากหลักการแห่งสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว

ยันเหยี่ยวเวหาF-16ปกป้องปชช.จากการยิงมั่วของเขมร

 

และนายจิรายุ ยังได้เปิดเผยถึงคณะกรรมการ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ. ทก.) ในกรณีกัมพูชารายงาน ข่าวว่าสหรัฐฯ อาจตรวจสอบการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยในการโจมตีกัมพูชา ว่าละเมิดนโยบายการใช้งาน ซึ่งสำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily รายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง  โดยระบุว่า “กัมพูชาถือว่าการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 เป็นการรุกรานทางทหารที่ผิดกฎหมาย การกระทำนี้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ"

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ตรวจสอบการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยในการโจมตีครั้งนี้ และดำเนินนโยบายควบคุมอาวุธของตนเอง โดยระบุว่า การที่ไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 โจมตีกัมพูชานั้นขัดต่อข้อตกลงการขายอาวุธของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน

นายจิรายุกล่าวว่าข้อความข้างต้นเป็นการหลอกตัวเองของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งหากจะร้องเรียนในประเด็นนี้  ก็ควรจะส่งคลิปวิดีโอ และ ภาพที่ ประชาชนคนไทย ได้รับบาดเจ็บ และ เสียชีวิตจากการระดมยิงด้วยจรวดหลายลำกล้อง และอาวุธหนัก ของกัมพูชาที่ปฏิบัติตนปานประหนึ่งอาชญากรรมสงคราม ไร้มนุษยธรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสื่อมวลชนทั่วโลกเห็นเป็นประจักษ์ในการที่กัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทยก่อน

ขณะที่การปฏิบัติทางอากาศของกองทัพ อากาศไทยมีความเป็นสุภาพบุรุษที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการทหารเฉพาะหน่วยงานของทหารเท่านั้น"กองทัพไทยสามารถใช้ F-16 ขึ้นปฏิบัติการเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ โดยไม่มีเงื่อนไข หรือขัดข้อตกลงใดในการซื้อขายอาวุธกับสหรัฐฯ ตามที่สื่อกัมพูชามั่ว เพราะที่สำคัญกัมพูชาละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยก่อนอย่างชัดเจน แถมยังมีพฤติกรรมเป็นอาชญากรรมสงคราม เปิดฉากถล่มใส่โรงพยาบาลโรงเรียนและพื้นที่ของพลเรือนจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก" นายจิรายุกล่าว