In News
ยันไทยสุภาพบุรุษนักรบไม่เกเรแบบเขมร วอนเอกชนอย่าเปิดโลเคชั่นศูนย์ผู้อพยพ

กรุงเทพฯ-รัฐบาลไทยยืนยัน..ยืนยันนโยบาย "ปฎิบัติการสุภาพบุรุษทางการทหาร ไม่มีนิสัยเกเร..แบบกัมพูชา…" และ“สมช. ศบ.ทก.” วอน ภาคเอกชนและพรรคการเมืองทำเว็บไซต์เปิดโลเคชั่นศูนย์พักพิงหรือจุดล่อแหลมของพลเรือนชายแดน อันตรายมากในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดหลังเขมรยังก่ออาชญากรรมสงครามเลือกเป้าหมายพลเรือน อย่างต่อเนื่อง วอนปิดก่อนในช่วงนี้ ชี้ ในทางปฏิบัติ ส่วนราชการทำแบบ ว5. อยู่แล้ว
ย้ำ ขณะนี้ยังไม่พร้อมยุติการปฎิบัติการรักษาอธิปไตยของประเทศ หลังพบ ”ฮุน มาเนต“ โพส แขวะไทยอีกรอบบอกตนเอง“พร้อมหยุดแต่กลัวไทยกลับลำ” ในขณะที่เช้านี้ ยังเปิดฉากถล่มเป้าหมายพลเรือนของไทย ที่สุรินทร์และหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (27 กรกฎาคม 2568) เวลา 10.45 น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่าในกรณีที่ นายฮุม มาเนต โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียโดยมีข้อความว่า“กัมพูชา ประกาศตอบรับการหยุด ยินดีไทยเห็นด้วย หวังว่าไทยจะไม่กลับลำจุดยืน มอบ รมว.ตปท.เจรจา“ นั้น
ขอเรียนให้ทราบว่าคำกล่าวของ นายฮุน มาเนต ในทุกข้อความยังไม่มีความจริงใจยังคงไว้ซึ่งเจตนาพิเศษ แอบแฝงและ ยังเหน็บแนม ค่อนแคะ ประเทศไทยต่างๆนาๆ ทั้งๆที่ รัฐบาลไทยยืนยันหลายครั้งว่า การเจรจาหยุดยิงกัมพูชาต้องหยุดการโจมตีพื้นที่พลเรือนของไทยทันที ซึ่งเห็นได้ว่ารัฐบาลกัมพูชาใช้เวลาโกหกไปวันๆ เพื่อๆเรียกร้องความสนใจในเวทีโลกแต่ในการปฎิบัติทหาร กลับตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด
โดยเมื่อเวลา 06:01น. เช้าวันนี้(อาทิตย์ที่27 กรกฎาคม 2568 )กองทัพกัมพูชายังมีพฤติกรรม เป็นอาชญากรรมสงคราม ไร้มนุษยธรรม โดยการยิงปืนใหญ่ข้ามฝั่งเข้ามาในพื้นที่พลเรือนของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านตาโสหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนหลายหลัง และมีผู้บาดเจ็บหลายรายในพื้นที่ดังกล่าว
นายจิรายุ กล่าวต่อไป ว่า รัฐบาลขอยืนยันว่า การริเริ่มก่ออาชญากรรม สงคราม คือกองทัพกัมพูชาเป็นผู้ริเริ่มก่อนทั้งสิ้น และ ยังใช้ความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม โจมตีพื้นที่พลเรือน บ้านเรือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง ปรากฏพยานหลักฐานที่ทั่วโลกยอมรับเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น การเจรจาหยุดยิงเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยแจ้งหลายครั้งแล้วว่า ประเทศไทยอยู่ในวิสัยที่จะต้องเจรจาและพร้อม แต่กลับพบว่ากองทัพกัมพูชายังใช้การโกหกรายวัน ขัดต่อสิ่งที่พยายามพูดต่อประชาคมโลกและอาจจะกล่าวในลักษณะสุภาษิตไทยว่า”เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น“ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยืนยันว่าพร้อมเจรจาหยุดยิง แต่กองทัพกัมพูชายังคงโจมตีพื้นที่พลเรือนตลอด3วันที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องอย่างน่ากังวลใจ
“สมช. ศบ.ทก.” วอน ภาคเอกชนและพรรคการเมืองทำเว็บไซต์เปิดโลเคชั่นศูนย์พักพิงหรือจุดล่อแหลมของพลเรือนชายแดน อันตรายมากในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดหลังเขมรยังก่ออาชญากรรมสงครามเลือกเป้าหมายพลเรือน อย่างต่อเนื่อง วอนปิดก่อนในช่วงนี้ ชี้ ในทางปฏิบัติ ส่วนราชการทำแบบ ว5. อยู่แล้ว
วันนี้ (27 กรกฎาคม 2568) เวลา 09.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้แสดงความกังวลและข้อห่วงใยในกรณีที่มีอาสาสมัครและภาคเอกชน รวมทั้งพรรคการเมืองได้จัดทำแอปพลิเคชันพิเศษหรือการสร้างแฟนเพจ Facebook ขึ้นมา โดยระบุถึงพิกัดโรงพยาบาล สถานที่หลบภัย และแหล่งชุมชนต่างๆ ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเจตนาดี แต่ปรากฏว่าปัจจุบันสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดน กองทัพกัมพูชายังไม่ลดละในการก่ออาชญากรรมสงคราม ด้วยการเล็งเป้าหมายทางพลเรือนอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือในช่วงเวลาล่อแหลมเช่นนี้ งดการสร้างในการเปิดเว็บไซต์รายงานสถานการณ์ที่กำหนดจุดโลเคชั่น โดยใช้ Google Maps และแอปพลิเคชันบอกแผนที่ต่างๆ ซึ่งในทางปฏิบัติทั้งกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการอื่นๆได้ดำเนินการผ่านจังหวัด อำเภอ และตำบลแล้ว โดยเป็นการดำเนินการในลักษณะ ว.5 หรือความลับ โดยให้ฝ่ายปกครอง องค์การปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประสานตรง กับผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้ข่าวรั่วไปยังฝ่ายตรงข้ามได้ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลา 06.10 น. เจ้าหน้าที่รายงาน พบกระสุนลูกยาว ขศ. ตกที่บ้านตาโส หมู่ 10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ. สุรินทร์ นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของพรรคการเมือง รบกวนพรรคประชาชน ปิดเว็บนี้ก่อน วันนี้เข้าใจว่ามีความกังวลและเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้ประสานงานในเชิงรับและดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วันที่มีการประทะกันตามแนวชายแดนอยู่แล้ว โดยฝ่ายความมั่นคงจะไม่รายงานจุดที่ตั้งของศูนย์อพยพ หรือจุดอื่นๆ ที่มีความล่อแหลม จึงขอความร่วมมือในช่วงที่ยังมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจปิดหรือยกเลิกเว็บไซต์ หรือแฟนเพจ หรือช่องทางต่างๆ ที่จะทำให้กองทัพกัมพูชาสามารถใช้ในการโจมตีพลเรือนของเราได้