In News
นายทุนบ่อนร่วมรัฐบาลเขมรสั่งแก๊งคอลฯ ปรับหลอกคนไทยมาทำสงครามIOแทน

กรุงเทพฯ-อย่าแปลกใจ..ถ้าเห็นแก๊งคอลเซนเตอร์หายไปช่วงนี้.. หลังข่าวกรองพบข้อมูลเขมร จับมือนายทุนบ่อน เปลี่ยนภารกิจหลอกลวงมาเป็นการทำ IO ด่า รัฐบาลไทย วอนคนไทยเป็นนักรบได้ทุกคน ต้องช่วยกันต่อสู้สงครามไซเบอร์กับเขมร จัดให้หนักด่าฝ่ายตรงข้ามแทนการด่ากันเอง ชวนกดคีย์บอร์ดสู้เพื่อประเทศไทยวันละ 3 เวลา เท่ากับกว่า 200 ล้านโพสต์ต่อวัน ย้ำต้องยืนเคียงข้างประเทศไทยทุกเวลาอย่าด่ากันเอง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชา ฝ่ายความมั่นคงรายงานว่า พบการโจมตีทางไซเบอร์จากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจากประเทศกัมพูชามายังสื่อต่างๆ ในประเทศไทย เช่น เปิดเป็นบัญชีผู้ใช้งานปลอมเป็นคนไทยนับล้านบัญชี ทั้งในเฟซบุ๊ก IG และ x และเข้าไป กดรีพอร์ตเฟซบุ๊ก ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทย ด่าทอ กองทัพไทย และรัฐบาลเป็นจำนวนมาก และโจมตีด้วย DDos Attack ถึงกว่า 500 ล้านครั้ง ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ พบว่า วันนี้สถิติการหลอกลวงทั้งทางคอลเซ็นเตอร์และไซเบอร์จากประเทศกัมพูชาลดลงเหลือไม่ถึง 5% แต่กลับพบว่า มีการเปลี่ยนเป้าหมายโดยสั่งการให้ แกงค์คอลเซนเตอร์ เหล่านี้ดำเนินการเข้ามาถล่มโซเชียลมีเดียของไทย และชักจูงให้คนไทยด่าคนไทยกันเองอย่างต่อเนื่องมากกว่า 90% ซึ่งวันนี้ คนไทยทุกคนสามารถเป็นนักรบได้ โดยช่วยกันเข้าไปตอบโต้วันละอย่างน้อย 3 เวลา แทนการด่าคนไทยหรือรัฐบาลด้วยกันเอง ตามที่ IO กัมพูชาปฎิบัติการอยู่
โดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) พบว่ารูปแบบการโจมไทยในครั้งนี้ ใช้กลยุทธ์ โฆษณาชวนเชื่อ Information Operations (IO) แบบครบวงจร จากกัมพูชา ประกอบด้วย 3 รูปแบบหลักได้แก่
1.มีการสั่งการจากกลุ่มทุน บ่อนการพนัน และแก๊งค์ คอลเซนเตอร์ และเชื่อมโยงไปยังคนในรัฐบาลกัมพูชา ให้ไปสร้างบัญชีเป็นผู้ใช้ปลอมหรือ “อวตาร” จำนวนมากจากพื้นที่กัมพูชาเพื่อใช้ในการส่งข้อความสแปม (Flooding) เข้าสู่เพจต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
2. พฤติกรรมบัญชีปลอมเหล่านี้ จะใช้วิธีการ รายงานเพจต่าง ๆ ของไทยไปยัง Meta ของเฟซบุ๊ก อย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ Meta ดำเนินการปิดเพจดังกล่าว โดยอาศัยระบบอัตโนมัติของ Meta ที่อาจตัดสินใจปิดบัญชี เมื่อได้รับรายงานจำนวนมาก
3. การโฆษณาชวนเชื่อของ IO เหล่านี้จะสร้างและแพร่ข่าวเท็จผ่านความคิดเห็นใต้โพสต์ต่าง ๆ พร้อมใช้บอท (Bot) ระดมรายงานเนื้อหาเหล่านั้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลเท็จ ต่างๆที่ โจมตีด่าทอ ประเทศไทย
ทั้งนี้ เว็บไซต์และเฟซบุ๊กแฟนเพจของส่วนราชการไทยได้ถูก IO ของกัมพูชาโจมตี โดยการบิดเบือนเนื้อหาข่าว และใช้ภาพปลอมสร้างข่าวปลอม (Fake News) เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดและลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางการไทยได้มีการตั้งค่าบล็อกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Geo-Blocking ) เพื่อจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาโดยอ้างอิงจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้งานผ่านการตรวจสอบที่อยู่จากหมายเลขประจำเครื่อง (IP Address) ว่ามาจากประเทศใด และอนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าถึงตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะสามารถกั้นการเข้าถึงผู้ใช้จากประเทศกัมพูชาได้
โดยขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) กำลังเร่งประสานงานกับ Meta เพื่อชี้แจงสถานการณ์และขอความร่วมมือในการป้องกันการโจมตี
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลโดย ศบ.ทก.ได้ประสานงานกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี อย่างต่อเนื่องในการดำเนินการต่อสู้ดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนให้กับประชาชนคนไทย เมื่อเห็นข่าว หรือการโพสต์ที่มีข้อความเชิงลบ หรือด่าท่อรัฐบาลดังกล่าวนั้น ให้เข้าใจได้เลยว่าเป็นแก๊งค์เดียวกันกับคอลเซ็นเตอร์ที่ช่วงนี้รับงานจากรัฐบาลกัมพูชาใช้ IO ในการปั่นหัวคนไทย
“ทั้งนี้ ขอให้คนไทย ไม่หลงเชื่อ IO เขมรไม่ว่าจะโดนโจมตีทางไซเบอร์ในรูปแบบใด ขอให้เชียร์คนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคการเมือง ซึ่งมีเจตจำนงในการต่อสู้ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และขอย้ำว่า หากจัดเพียงวันละ 3 โพสต์ หรือตอบโต้ ด้วยนักรบไซเบอร์ไทยที่ใครๆก็ช่วยชาติได้กว่า 70 ล้านคนก็จะเท่ากับกว่า 200 ล้านโพสต์ต่อวัน นั่นคือนักรบภาคประชาชนคนไทยที่สาสามารถทำได้” นายจิรายุกล่าว