In News
ดีอีแจ้งเตือนข่าวปลอมทำให้ตื่นตระหนก 'ทหารไทยทำร้ายตัดหัวทหารกัมพูชา'

กรุงเทพฯ-กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ทหารไทยทำร้ายและตัดหัวทหารกัมพูชา” รองลงมาคือเรื่อง “ทหารไทยเกือบ 140 นายเสียชีวิตใกล้ปราสาทพระวิหาร” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน และเข้าใจผิดในสังคม
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 25 – 31 กรกฎาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 955,073 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 1,157 ข้อความ
สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 1,118 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 35 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 4 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 271 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 128 เรื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 206 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 22 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 6 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 4 เรื่อง
กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 33 เรื่อง
นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ เป็นข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศไทย และกัมพูชาทั้งหมด โดยมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน เข้าใจผิดได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง ทหารไทยทำร้ายและตัดหัวทหารกัมพูชา
อันดับที่ 2 : เรื่อง ทหารไทยเกือบ 140 นายเสียชีวิตใกล้ปราสาทพระวิหาร
อันดับที่ 3 : เรื่อง ทหารไทยเสียชีวิต 40 นาย ถูกจับกุม 30 นาย
อันดับที่ 4 : เรื่อง นอร์เวย์มอบ F-16 ให้ประเทศไทย 14 ลำ หลังเกิดปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
อันดับที่ 5 : เรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศเขตภัยพิบัติสงครามเป็นจังหวัดแรก
อันดับที่ 6 : เรื่อง ทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ปราสาทพระวิหารและวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่เคยเป็นของไทยได้สำเร็จแล้ว
อันดับที่ 7 : เรื่อง กองทัพไทยใช้อาวุธชีวภาพโจมตีกัมพูชา
อันดับที่ 8 : เรื่อง ทหารไทยใช้เครื่องบินปล่อยสารพิษ สังหารพลเมืองกัมพูชา
อันดับที่ 9 : เรื่อง กองทัพภาคที่ 2 เปิดระดมทุนช่วยเหลือทหารไทยรบกัมพูชา
อันดับที่ 10 : เรื่อง รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ งดให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยกัมพูชา
สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ทหารไทยทำร้ายและตัดหัวทหารกัมพูชา” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานตรวจสอบร่วมกับ เพจทีมโฆษกกองทัพบก กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม โดยขอชี้แจงว่า เพจเฟสบุ๊กที่มีการเผยแพร่รูปภาพดังกล่าว ได้สร้างข้อมูลเท็จ โดยนำภาพของภารกิจวันที่ 27 ก.ค.68 ที่ทหารไทยส่งมอบศพทหารกัมพูชาจำนวน 12 นาย กลับแผ่นดินเกิดตามหลักมนุษยธรรม มาใช้และใส่ข้อความเท็จ ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนรับข้อมูลข่าวสาร ที่มาจากหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เป็นทางการเท่านั้น
ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “ทหารไทยเกือบ 140 นายเสียชีวิตใกล้ปราสาทพระวิหาร” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ เพจโฆษกกองทัพบก ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่าภาพร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าว ไม่ใช่ร่างของทหารไทยตามที่กล่าวอ้าง โดยเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ดำเนินการส่งมอบศพทหารกัมพูชาจำนวน 12 นาย ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ภูมะเขือ ให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในภูมิลำเนาต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมสากล และถือเป็นการให้เกียรติแก่ทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิ ไม่ว่าจะสังกัดฝ่ายใด สะท้อนถึงจิตวิญญาณของความเป็นทหารที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี ซึ่งเข้าใจถึงหัวอกของผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งล้วนปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทเพื่อประเทศของตน
อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com