Biz news

ธ.เกียรตินาคินภัทรร่วม6พันธมิตรเอกชน ปฏิวัติวงการอสังหาฯสู่ยุคGreen Transition



กรุงเทพฯ-ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน (Green Transition) ในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย จับมือกับพันธมิตรภาคเอกชนชั้นนำรวม 6 องค์กร ร่วมผลักดันให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ KKP Shaping Tomorrow  ซึ่งวางบทบาทของธนาคารไม่ใช่แค่ในฐานะแหล่งเงินทุน แต่ยังพร้อมเป็นที่ปรึกษาด้าน ESG ให้กับลูกค้า โดยเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรที่เชี่ยวชาญและหลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ ประธานสายสินเชื่อธุรกิจและประธานสายสินเชื่อบรรษัท กล่าวว่า “ธนาคารให้ความสำคัญกับการสนับสนุนลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์ไปสู่การทำธุรกิจบนความยั่งยืน เพราะเชื่อว่านี่คืออุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับที่มีนัยยะ จับต้องได้ และส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยมีข้อมูลว่า Embodied Carbon หรือคาร์บอนที่เกิดจากกระบวนการก่อสร้าง คิดเป็นกว่า 11% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก ขณะที่ Operational Carbon ซึ่งเกิดขึ้นตลอดอายุการใช้งานของอาคาร ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม

การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เป็น Green Asset จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในยุคที่ความยั่งยืนเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจของนักลงทุน ผู้บริโภค หรือแม้แต่แต่พันธมิตรทางธุรกิจ”

สำหรับการผนึกกำลังกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทั้ง 6 องค์กร แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้

1. กลุ่มวัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยคาร์บอนระบบก่อสร้างผนังสำเร็จรูป ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของผลิตภัณฑ์ พันธมิตรกลุ่มนี้ประกอบด้วย 3 บริษัทชั้นนำ ได้แก่

  • บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้นำด้านสีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยสูตร Zero VOC (ปล่อยก๊าซระเหยอินทรีย์เป็นศูนย์) และคาร์บอนต่ำทั้งในส่วน Embodied Carbon และ Operational Carbon พร้อมนวัตกรรมแอปพลิเคชันหนึ่งเดียวในไทย สำหรับคำนวณปริมาณคาร์บอนที่ลดลงจากการทาสี

  • บริษัท ยิปมั่นเทค จำกัด ผู้ผลิตและบริการติดตั้ง ฝ้าเพดานและผนังเบายิปซัม ได้รับ ฉลากทองคาร์บอนรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย จากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
  • บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ที่ได้รับฉลากทองลดคาร์บอน (Carbon Footprint Reduction-CFR ) รายแรกและรายเดียวในประเทศ

2. กลุ่มเทคโนโลยีด้านพลังงานและระบบถ่ายเทอากาศ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสะอาดในอาคารในระยะยาว พันธมิตรกลุ่มนี้ประกอบด้วย 3 บริษัทชั้นนำ ได้แก่

  • บริษัท บีเอฟพี โปร จำกัด ผู้ให้บริการ Home Service & Solar Solution
  • บริษัท คาซ่า เทค จำกัด ผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้ง ระบบถ่ายเทอากาศ ERV และโซลูชันด้านการอนุรักษ์พลังงาน
  • บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบหมุนเวียนอากาศ (Energy Recovery Ventilation – ERV) และผู้พัฒนาโซลูชันการอนุรักษ์พลังงานเพื่อความยั่งยืน

เป้าหมายของโครงการ KKP Shaping Tomorrow ไม่ใช่เพียงการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน แต่คือการร่วมผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และผู้บริโภคตระหนักว่าทุกการตัดสินใจทางธุรกิจตั้งแต่การเลือกวัสดุไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีในโครงการ ล้วนมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สีเขียวจึงเป็นก้าวเล็กๆ ที่จะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่ของประเทศและของโลก อย่าง Net Zero ได้ในที่สุด

“การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน” นายสุรัตน์กล่าว