Biz news

ITDเปิดภารกิจเชิงรุกเป็นเวทีกลางทาง ความคิดสนับสนุนการค้าไทย



กรุงเทพฯ 6 สิงหาคม 2568 – สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เร่งเดินหน้าภารกิจสอดรับนโยบายกระทรวงพาณิชย์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่เผชิญกับต้นทุนสูง ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี และความท้าทายในการเข้าถึงตลาดโลก โดย ITD เตรียมใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์ข้อมูลตลาดเชิงลึก ควบคู่กับการเป็นเวทีกลางเพื่อรวมพลังทุกภาคส่วนสร้างเอกภาพทางการค้าไทย

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของตลาดโลก ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงกติกาการค้าใหม่ ๆ ทำให้ทุกประเทศต้องปรับตัว กระทรวงพาณิชย์จึงมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs มีความพร้อมและยืนหยัดแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างเข้มแข็ง ผ่านการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI เพื่อวิเคราะห์ตลาดแม่นยำและเชื่อมโยงข้อมูลการค้าอย่างมีประสิทธิภาพ บทบาทของ ITD จะไม่ได้จำกัดแค่การเป็นหน่วยวิชาการ แต่จะเป็น “Think Tank ที่ขับเคลื่อนด้วยการรับฟังและเชื่อมโยงทุกภาคส่วน

“ITD มีศักยภาพที่จะทำให้บทสนทนาที่ยาก ๆ ในประเทศเกิดขึ้นได้ และนำไปสู่การสร้างเอกภาพ เพราะเรามองว่า ITD ไม่ใช่เพียงผู้ทำข้อมูลหรือวิจัย แต่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน เพื่อนำความเห็นเหล่านั้นมาหลอมรวมเพื่อขับเคลื่อนการค้าของไทยไปข้างหน้า” นายฉันทวิชญ์ กล่าว

และเราต้องพูดคุยกับต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อดูว่ามุมมองทางการค้าของพวกเขาเป็นอย่างไร และจะประสานความร่วมมือได้อย่างไร สิ่งนี้จะช่วยหนุนเสริมการขับเคลื่อนงานของกระทรวงพาณิชย์ในทุกมิติ ซึ่งการขับเคลื่อนการค้าไทยในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ต้องใช้ทั้ง “เทคโนโลยี AI” และ “เวทีพูดคุยที่เปิดกว้าง” ซึ่ง ITD จะทำหน้าที่เชื่อมโยงทุกเสียง สร้างเอกภาพในประเทศ และช่วยผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs เดินหน้าสู่ความสำเร็จในตลาดโลก

ด้าน นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เผยว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกการค้ากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของกติกาการค้าใหม่ที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นด้าน ESG, มาตรการ CBAM, ภาษีคาร์บอน, การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ไปจนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจแบ่งขั้ว (Fragmentation) ที่เข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างการค้าโลกอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 6.5 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 35% ของ GDP ยังคงเผชิญอุปสรรคที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงตามลักษณะอุตสาหกรรม ทั้งต้นทุนการผลิตที่สูง มาตรฐานการผลิตที่ซับซ้อน ข้อจำกัดด้านทรัพยากร เทคโนโลยี และการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจของอาเซียน ด้วยจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการค้า และระบบเศรษฐกิจแบบเปิดที่พร้อมรองรับการเติบโตของผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัว และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีการค้าโลก โดยผู้ประกอบการและธุรกิจ SMEs ของไทยควรเร่งดำเนินการใน 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

·ยกระดับองค์ความรู้ด้านมาตรฐานสากล ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จำเป็นต้องเร่งเรียนรู้และปรับตัวให้ทันต่อมาตรฐานใหม่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น ESG, CBAM หรือข้อกำหนดในห่วงโซ่อุปทานของนักลงทุนต่างชาติ การทำความเข้าใจและนำมาตรฐานเหล่านี้มาปรับใช้จะช่วยให้สามารถเข้าสู่ตลาดสากลได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งควรศึกษาวิธีใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในเวทีโลก

·พัฒนาคุณภาพสินค้าและใช้เทคโนโลยีเสริมศักยภาพ การเพิ่มคุณภาพสินค้าเป็นสิ่งจำเป็นในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้น ผู้ประกอบการควรนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตและการให้บริการ อาทิ ระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูล หรือเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนและเวลา ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในตลาดต่างประเทศ

·กระจายตลาดส่งออกเพื่อบริหารความเสี่ยง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้การพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องเสี่ยง ผู้ประกอบการควรสำรวจและขยายไปยังตลาดใหม่ ๆ เช่น อาเซียน เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง หรือแอฟริกา เพื่อกระจายความเสี่ยง เพิ่มเสถียรภาพ และสร้างรากฐานทางการค้าที่ยั่งยืนในระยะยาว

“สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือ ITD ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ พร้อมเดินหน้าทำหน้าที่เป็น “เวทีกลางทางความคิด” ที่เชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพราะผู้ประกอบการไทยในปัจจุบันไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้เพียงจากปัจจัยทางด้านต้นทุนหรือแรงงานเท่านั้น จำเป็นต้องมี ข้อมูล ความเข้าใจ และการเชื่อมโยง เพื่อเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับผู้ประกอบการไทย ทั้งหมดนี้ ITD พร้อมเดินหน้าเพื่อเป็นกลไกสำคัญของประเทศในการขับเคลื่อนความร่วมมือระดับภูมิภาคและการพัฒนาเศรษฐกิจ และผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยก้าวทันกติกาการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง” นายสุภกิจ กล่าวสรุป