In Bangkok

กทม.รุกเข้มเฝ้าระวังไข้ดิน-โรคไข้ฉี่หนู แนะคนกรุงดูแลตนเองตามมาตรการ



กรุงเทพฯ-กทม. รุกเข้มเฝ้าระวังป้องกัน “โรคไข้ดิน-โรคไข้ฉี่หนู” แนะคนกรุงดูแลตนเองตามมาตรการเคร่งครัด

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) และโรคเลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) ในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคไข้ดิน โรคไข้ฉี่หนู และภัยสุขภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนว่า จากระบบรายงานทางระบาดวิทยา D506 ของ กทม. ในปี 2568 พบในพื้นที่กรุงเทพฯ มีผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส หรือโรคไข้ดิน 16 ราย เสียชีวิต 1 ราย และโรคเลปโตสไปโรสิส หรือโรคไข้ฉี่หนู 4 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ กทม. ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคไข้ดินและโรคไข้ฉี่หนูในช่วงฤดูฝน โดยให้ความรู้และจัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย มาตรการป้องกันโรคกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ประสบอุทกภัยทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินลุยน้ำท่วม ลุยโคลน หรือผู้ทําความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลดโดยไม่มีการสวมอุปกรณ์ป้องกัน ส่งผลให้เกิดบาดแผล หรือมีผิวหนังอ่อนนุ่ม ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย (พบผู้ป่วยได้ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมจนถึงน้ำลด โดยอาจเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ 1-21 วัน หลังสัมผัสเชื้อ หรือในบางกรณีใช้ระยะฟักตัวนานถึง 1 ปี) ผู้ที่มีโรคประจําตัวเรื้อรังและสัมผัส หรือประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับดินและน้ำ เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ผู้ที่ประกอบอาชีพ หรือทำกิจกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับดินและน้ำ เช่น เกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์ หรือผู้ที่หาปลาตามแหล่งน้ำต่าง ๆ รวมถึงเด็กที่เล่น หรือสัมผัสดินและน้ำ

สำหรับแนวทางการดําเนินงานได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ดําเนินการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้สามารถป้องกันตนเอง ได้แก่ หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ แช่น้ำ หรือลุยน้ำหากไม่จําเป็นโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจําตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน หากจำเป็นต้องลุยน้ำ ที่ระดับน้ำไม่สูงมากนัก ควรสวมรองเท้าบูท หรือสวมถุงพลาสติกยาวหุ้มรองเท้า และใช้เชือกรัดอย่างแน่นหนา หากมีบาดแผลควรล้างทำความสะอาดและปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ ล้างมือ ล้างเท้า หรืออาบน้ำทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที หลังจากลุย หรือแช่น้ำ กรณีประสบอุทกภัย การทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลด ควรสวมถุงมือยาง รองเท้าบูท เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว เพื่อป้องกันบาดแผลจากการขนย้ายสิ่งของ และลดการสัมผัสดิน โคลน ดื่มน้ำที่ต้มสุก หรือน้ำขวดที่ผ่านมาตรฐาน บริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่ น้ำที่ใช้อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ควรเป็นน้ำประปาที่มีระดับคลอรีนตามมาตรฐาน หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางสายฝน โดยเฉพาะช่วงที่มีลมแรง หรือมีพายุ ซึ่งอาจทำให้สูดละอองดินที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงเน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคดังกล่าวและตระหนักถึงความเสี่ยง “หากประชาชนมีไข้สูงตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป หลังสัมผัสน้ำ ดิน โคลน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที”

ส่วนมาตรการคัดกรอง ตรวจวินิจฉัย และรักษาโรคเมลิออยโดสิส ในการคัดกรองผู้ป่วยระดับชุมชน ให้อาสาสมัครสาธารณสุข กทม. (อสส) แจ้งเตือนประชาชน หากพบผู้ที่มีอาการป่วย มีไข้ตั้งแต่ 2 วัน ร่วมกับมีประวัติสัมผัสดิน โคลน หรือน้ำ ควรรีบพบแพทย์ทันที เฝ้าระวังและคัดกรองผู้ป่วยตลอดฤดูฝน โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วม รวมทั้งควรเฝ้าระวังผู้ป่วยต่อเนื่องอย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังน้ำลด สำหรับการคัดกรองผู้ป่วยในสถานพยาบาล หากพบผู้ป่วยมีไข้สูงตั้งแต่ 2 วัน ร่วมกับเคยเป็นโรคเมลิออยโดสิสมาก่อน หรือมีโรคประจําตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง โรคตับเรื้อรัง โรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ติดสุราเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้รับยากดภูมิเช่น Prednisolone>15 มิลลิกรัม (มก.) / วัน ต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือมีประวัติสัมผัสน้ำ ดิน โคลน หรือประสบอุทกภัย ให้ส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล เพื่อวินิจฉัยโรคและรักษาต่อไป