In News

ผลประชุมจีบีซีตกลง13ข้อ2ข้อคุยไม่จบ ให้จัดถกอาร์บีซี2สัปดาห์/ถกจีบีซี1เดือน



กรุงเทพฯ-ผลประชุม GBC ใช้ “ดีเดย์”หลังเที่ยงคืนวันจันทร์ 28 กค. จบตรงไหนให้อยู่แค่ตรงนั้น ไทยยืนยันข้อตกลงวันนี้ที่ “มาเลเซีย” ห้ามเสริมกำลังพร้อมย้ำข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และให้เร่งตั้งผู้สังเกตการณ์อาเซียนในพื้นที่ พร้อมกำหนดนัดประชุม GBC อีก 1 เดือน

วันนี้ (7 สิงหาคม 2568) เวลา 15.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (GBC) ที่ประเทศ มาเลเซีย ซึ่งมีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าคณะ

โดยพลเอกณัฐพล ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ทำให้การประชุมครั้งนี้ผ่านไปโดยเรียบร้อย   การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมติดตามผลจากการที่ผู้นำไทยและกัมพูชาได้หารือ ที่เมืองปูตราจายา มาเลเซีย ในวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้มีการหยุดยิง โดยฝ่ายไทยได้ปฏิบัติการหยุดยิง ตามข้อตกลงกันอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดี พบว่าฝ่ายกัมพูชายังมีการละเมิดข้อตกลง ซึ่งไทยใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุดเพื่อตอบโต้และป้องกันตนเองเท่านั้น และในปัจจุบันมีการใช้โดรนเข้ามาสอดแนม ซึ่งเป็นการกระทำที่ยั่วยุ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจาและการฟื้นฟูความไว้วางใจ

"เจตนารมณ์ของไทยในการประชุมในวันนี้ จึงเป็นการหารืออย่างตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจและสุจริต เพื่อหาแนวทางที่ทำให้การหยุดยิงเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน เพื่อนำสันติภาพและความสงบมาสู่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทั้งสองฝ่ายจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดับนโยบายได้แสดงถึงความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิง การละเมิดการหยุดยิงที่เกิดขึ้น จึงอาจเป็นการกระทำโดยพลการของหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่"

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการประชุมที่สำคัญมีดังนี้

1. ให้ยึดมั่นในการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ครอบคลุมอาวุธทุกประเภท โดยทั้งสองฝ่ายจะยังคงกำลังไว้ที่ตั้งเดิม นับตั้งแต่วันที่ตกลงหยุดยิง (28 กรกฎาคม  2568 เวลา 24.00 น.) โดยจะไม่มีการเสริมกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด

2. ให้มีการตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทยและกัมพูชา และนำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของมาเลเซียเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยจะไม่มีการข้ามแดน และมีการประสานงานใกล้ชิดกับกลไก RBC และ GBC ในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

3. ทั้งสองฝ่าย จะหลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุ ทั้งทางทหาร และการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนหรือข่าวเท็จ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพูดคุย เพื่อหาทางออกโดยสันติ 

4. ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเร่งดำเนินการเก็บและส่งศพผู้เสียชีวิตกลับประเทศอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี สำหรับการส่งกลับทหารที่ถูกจับกุมตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ให้ส่งกลับทันทีที่มีการยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ ตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ระหว่างนี้ ฝ่ายไทยยืนยันว่าได้ดูแลบุคคลที่เกี่ยวข้องตามหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน

5. ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการพูดคุย และการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม โดยหลังจากนี้ จะกำหนดให้มีการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อประสานงานตามที่ได้ตกลงกัน และจะประชุม GBC อีกครั้งถัดไปภายใน 1 เดือน เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามผลการประชุมครั้งนี้

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า  ทั้งนี้ ไทยได้เสนอหารือเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญ แต่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ตอบรับ โดยขอให้เน้นเฉพาะการหยุดยิงในครั้งนี้ก่อน และนำไปหารือใน GBC ครั้งถัดไป ได้แก่

1.ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียด นำไปสู่การใช้กำลัง โดยฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย

2.ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยและประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้พล.อ.ณัฐพลฯ กล่าวย้ำว่า “ทั้งสองฝ่ายได้หารือและเห็นพ้องร่วมกันในวันนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรมได้ ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่า ฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือและพูดคุยด้วยความสุจริตใจ จริงใจต่อไป บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่ากัมพูชาจะปฏิบัติเช่นเดียวกัน เนื่องจาก  ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน ไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ และเป็นสมาชิกครอบครัวอาเซียนร่วมกัน หากสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ก็จะนำสันติภาพกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอย่างสงบสุขอีกครั้ง” 

 ขณะเดียวกัน ศบ.ทก. ได้เปิดเผย 13 ข้อตกลง ที่ ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องกัน ดังนี้ 

1. ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี

2. รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย 

3. ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา  

4. ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน

5. ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี

6. การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ

7. กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์

8. เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้
   8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่ 
   8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ใน 7 ส.ค. 68
   8.3 ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ

9. งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม

 ส่วนที่ 2 กลไกตรวจสอบการหยุดยิง

10. ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ 28 ก.ค. 68 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย

11. เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีโดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำ และส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย

12. ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซีย เป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว 

 ส่วนที่ 3 การประชุม GBC  

13. ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 ส.ค.68 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง