In Thailand

คนชายแดนศรีสะเกษยังกังวลไม่มั่นใจ ฝังใจฝันร้ายเสียงปืนใหญ่ยังดังก้องหู



ศรีสะเกษ-เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์อพยพวัดบ้านจอก-รุ่งระวี ต.สะพุง อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ยังคงมีผู้อพยพที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่สีแดง บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวนกว่า 800 คน ที่ทางจังหวัดฯยังขอให้ชะลอการกลับเข้าพื้นที่ต่อไปอีกสักระยะ เนื่องจากยังถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง รวมทั้งต้องรอเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างให้หมดก่อน และต้องรอฟังคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคง และทางจังหวัดศรีสะเกษ ประกาศยืนยันเรื่องความปลอดภัยเสียก่อน ส่งผลทำให้ชาวบ้านต่างพากันตั้งหน้าตั้งตานับวันรอวันที่จะได้กลับบ้าน โดยภายในศูนย์อพยพ ก็ได้มีการประกาศเสียงตามสายผ่านหอกระจายข่าวภายในวัด เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารทันต่อเหตุการณืที่เกิดขึ้นด้วย

นายโยธิน มุลกะกุล นายก อบต.สะพุง กล่าวว่า ที่ศูนย์ฯแห่งนี้ ตอนนี้มีผู้อพยพ รวมกว่า 880 คน จากในพื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ ต.ละลาย ต.กระแชง และต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งในส่วนของพี่น้องที่อยู่ในเขตตะเข็บชายแดน ตอนนี้เราได้แนะนำให้พี่น้องประชาชนรอฟังคำสั่งจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานความมั่นคง เสียก่อน ยังไม่อยากให้รีบกลับ จนกว่าจะมีการยืนยันในเรื่องความปลอดภัยจากหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งจะแจ้งให้ผู้อพยพรับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าเราจะดูแลพี่น้องประชาชนผู้อพยพอย่างเต็มที่ ไปจนกว่าจะมีคำสั่งให้กลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย

นางบัวจันทร์ มีพลัน อายุ 64 ปี ชาว ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนได้อพยพไปอยู่บ้านญาติ แต่เกรงใจเขา จึงย้ายออกมาอยู่ที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ ตอนนี้ยอมรับคิดถึงบ้าน อยากกับบ้าน เพราะเห็นข่าวบางคนเขากลับบ้านไปแล้ว ไม่รู้ว่าศึกครั้งนี้จะสงบจริงหรือไม่ ยอมรับว่ายังกลัวๆอยู่ รู้สึกผวาไม่หาย ตกใจเสียงปืนใหญ่ เพราะเสียงปืนใหญ่ยังดังก้องอยู่ในหู แต่ถึงแม้ทางจังหวัดให้กลับบ้านได้ ตนก็ยังหวั่น เพราะไม่มั่นใจในถานการณ์ 

นายบุญจันทร์ ครองเมือง อายุ 49 ปี ชาว ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ เพราะเชื่อว่ากัมพูชาไม่ยอม เชื่อใจไม่ได้ แต่ถ้าจังหวัดประกาศให้กลับบ้านได้ ตนก็ดีใจ เพราะถึงแม้จะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ก็ตาม แต่ตนต้องยอมกลับเพราะต้องทำมาหากิน ต้องทำงาน หาเงินเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์จนต้องมีการอพยพมาอยู่ที่ศูนย์อพยพ ตนไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้เลย ปกติตนทำงานรับจ้างกรีดยาง และขับรถส่งนักเรียน จึงอยากฝากให้รัฐบาลเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้มันจบๆ ให้มันจบสิ้นไป ประชาชนจะได้ทำมาหากินได้ตามปกติ ตอนนี้เดือดร้อนมาก. 
 
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน