ทัพเรือภาค2สนธิกำลังหน่วยความมั่นคง จับเรือขนน้ำมันเถื่อนกลางทะเลสงขลา

วันที่ 14 สิงหาคม 2568 - 23:13 น.

สงขลา-ทัพเรือภาคที่ 2 สนธิกำลังหน่วยความมั่นคง จับเรือขนน้ำมันดีเซลเถื่อนกลางทะเลสงขลา ยึดของกลางกว่า 20,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ ดำเนินคดีเข้ม ปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ

วันนี้ (14 สิงหาคม 2568) ที่บริเวณท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 อำเภอเมืองสงขลา พลโท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 เป็นประธานในการแถลงข่าวผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมาย บริเวณห่างจากชายฝั่งอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสรรพสามิตจังหวัดสงขลา ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 และกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ (สงขลา) ร่วมให้ข้อมูล

ภายหลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ ว่ามีเรือดัดแปลงลักลอบบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมาย จึงได้มีการขอสนับสนุนกำลังทางเรือและอากาศยานจากทัพเรือภาคที่ 2 โดยพลโท นเรศ ได้สั่งการให้เรือ ต.995 พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ ออกลาดตระเวน กระทั่งเวลา 20.00 น. ตรวจพบเรือชื่อ “กระแสร์สิน ดอนสัก” ซึ่งเป็นเรือดัน–ลากจูง ที่ถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน ภายในเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลประมาณ 20,000 ลิตร และมีลูกเรือทั้งหมด 4 คน เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาและเรือของกลางกลับเข้าฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานครอบครองและขนส่งน้ำมันโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงนำเข้าสินค้าโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ก่อนส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลาดำเนินคดี พร้อมรายงานให้นายอำเภอเมืองสงขลาและอัยการจังหวัดสงขลาทราบตามขั้นตอน ขณะที่น้ำมันและเรือของกลางทั้งหมด จะเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานในสำนวนคดี

ด้านพลโท นเรศ วงศ์ตระกูล ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของทัพเรือภาคที่ 2 ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางทะเลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านการลาดตระเวนทั้งทางเรือและอากาศ การใช้ระบบเรดาร์ชายฝั่ง และการปฏิบัติตามข่าวกรอง เพื่อสกัดกั้นการทำประมงผิดกฎหมาย การลักลอบขนถ่ายสินค้าต้องห้าม และการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและชุมชนชายฝั่งในการร่วมกันพิทักษ์ผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศอย่างยั่งยืน

ซัมซูรดิน รายงาน