In News

ไทยชี้แจงเวทีโลก'กัมพูชาละเมิดทุกกฎ' ขณที่สถานการณ์7จว.ชายแดนเป็นปกติ



กรุงเทพฯ-“รัฐบาล” ย้ำต่อเวทีระดับโลกชี้ “กัมพูชา” ไม่สนใจสนธิสัญญาระดับโลกใดๆ ละเมิดทุกกฎกติกาของโลกและละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทยชัดเจน พรุ่งนี้พร้อมนำคณะทูต และรัฐภาคีอนุสััญญาออตตาวาลงพื้นที่ชายแดน ขณะที่“ไทยคู่ฟ้า” สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา 7 จังหวัด ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 06.00 น..วันนี้ (วันศุกร์ 15 สิงหาคม 2568) เหตุการณ์ปกติ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568) กระทรวงการต่างประเทศได้จัดบรรยายพิเศษแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ก่อนที่จะนำคณะทูตลงพื้นที่ ชมหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ที่บ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของกัมพูชา ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ มีผู้แทนต่างประเทศ องค์กรและองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมรับฟังจำนวน 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การระหว่างประเทศ โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวสรุปแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับเหตุการณ์ในการใช้กับระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชาผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน  

โดยระบุว่า กัมพูชาจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างชัดเจน  ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้ และยังเป็นการละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ที่ว่าด้วยการห้ามมีและใช้กับระเบิดสังหารบุคคล 

ขณะที่นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าปัญหากับระเบิดที่พบจำนวนมากที่บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ไม่ใช่แค่ประเด็นความมั่นคง แต่เป็นเรื่องมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการเร่งด่วนที่สุด   

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวย้ำถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ GBC ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวัน 7 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการตกลงหยุดยิง ตั้งแต่คืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ แต่หลังจากการประชุมฯ เพียง 5 วัน ก็เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดอีก 2 ครั้ง ซึ่งมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่ากับระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่โดยกัมพูชา ซึ่งเป็นการเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชายังจงใจละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอีกด้วย

รัฐบาลไทยขอประณาม พฤติกรรม และการกระทำอย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งถือเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายสาระที่สำคัญที่สุดของอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ ที่ได้รับการรับรองภายใต้การปกครองของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง 

“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวางการปฏิบัติการกวาดล้าง กับระเบิด ของไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีผลโดยตรงต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อนานาชาติ โดยเฉพาะผู้บริจาคที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาด้วยความจริงใจอีกด้วย“ นายมาริษ กล่าวย้ำ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะหยุดการใช้กับระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม และต้องปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ซึ่งไทยได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชาตามมาตรา 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาออตตาวา สำหรับการลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ของคณะทูต ในวันพรุ่งนี้ เพื่อสังเกตการณ์ทุ่นระเบิด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง 

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกัน นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังให้ความเห็นว่า การแก้ไขปัญหากับระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ไม่ใช่แค่ประเด็นความมั่นคง แต่ยังเป็นเรื่องมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด ทั้งนี้ พื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย มีเพียงชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิด  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยได้เสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้กับระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน แต่กัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งไทยได้ยื่นข้อเสนอนี้อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Extraordinary General Border Committee – GBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 4–7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่กัมพูชาไม่ยอมรับต่อข้อเสนอดังกล่าว

โดยในวันพรุ่งนี้รัฐบาลจะนำคณะผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต ลงพื้นที่ได้รับผลกระทบจากกับระเบิดสังหารบุคคลซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชา รวมไปถึงการเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในจังหวัดศรีสะเกษ โดยคณะทูตจะได้เห็นด้วยตนเองถึงผลกระทบในทุกมิติ ต่อชุมชนในพื้นที่ จากนั้น จะเดินทางไปที่บ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของกัมพูชา  ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่เลือกเป้าหมายและไร้มนุษยธรรม 

สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา7จังหวัดเหตุการณ์ปกติ

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 ) รัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะทูตที่เป็นผู้แทนจากสถานทูตประเทศภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ  ที่บริเวณผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป  และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ในพื้นที่ ภูมะเขือ ก่อนเดินทางไปตรวจพื้นที่ความเสียหายพลเรือน ที่บ้านหนองเม็ก ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์  โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา จ.ศรีสะเกษ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากผู้แทน

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในการรักษากฎหมายระหว่างประเทศ เคารพในหลักมนุษยธรรม และพร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสายตาประชาคมโลก เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขสถานการณ์อย่างสันติและเป็นธรรม ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการทุกช่องทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้ กองทัพไทยยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่ 7 จังหวัด และวางรั้วลวดหนาม อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา แม้แต่ตารางนิ้วเดียว และพร้อมตอบโต้ทันทีหากถูกรุกล้ำอธิปไตยของไทย ขณะที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดยังตรวจพบกับระเบิดที่ลักลอบเข้ามาวางในพื้นที่อธิปไตยของไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่กัมพูชานำมาวางไว้  ซึ่งเป็นการผิดข้อตกลงหยุดยิงและขัดต่อสนธิสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้กับระเบิดบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎกติกา ระดับโลกอย่างร้ายแรง