In News
'ภูมิธรรม'ฝาก5ข้อในครม.จี้ไม่ใส่เกียร์ว่าง ยัน7จว.ชายแดนปกติไม่มีรื้อรั้วลวดหนาม

“ภูมิธรรม ”สั่งการให้กองทุนสำนักนายกฯ เยียวยาผลกระทบด้านอื่น ๆ ต่อไป ขณะทึ่รัฐบาลปฎิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง พร้อมใช้เวที RBC GBC เจรจาเพื่อรักษาอธิปไตยของไทย ขณะที่ ฝ่ายความมั่นคงรายงาน มี “โดรน” แปลกปลอมบินมากขึ้นให้ ศบ.ทก ดำเนินการ และสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา 7 จังหวัด ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 06.00 น. วันนี้ (วันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2568) เหตุการณ์ปกติ
วันนี้ (19 สิงหาคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ มีข้อสั่งการ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีดังนี้
สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา
1. รัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง และยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ ได้แก่
1.1 การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งได้เริ่มแล้วโดยกองทัพภาคที่ 1 และกำลังจะดำเนินการโดยกองทัพภาคที่ 2
1.2 การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ได้กำหนดประชุมระหว่างวันที่ 8-10 กันยายน 2568 ที่ จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
1.3 การดำเนินการสังเกตการณ์ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) โดยทูตทหาร ASEAN แต่ละประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วานนี้ (จันทร์ที่ 18 สิงหาคม)
2. ขณะนี้ ยังมีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงว่ามีอากาศยานไร้คนขับ หรือ “ โดรน ” แปลกปลอมเพิ่มขึ้นมากจนผิดปกติ ขอให้ ศบ.ทก ร่วมกับ กระทรวงคมนาคม และ กสทช. กำหนดมาตรการที่เหมาะสมและแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน
3. ศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบ ขณะนี้ได้ปิดลงแล้ว ประชาชนได้เดินทางกลับเข้าบ้านพักแล้ว ให้พื้นที่สรุปและสำรวจการให้ความช่วยเหลือต่อไป
4. การเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรี ให้แก่ทหารและพลเรือนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ได้ดำเนินการแล้ว รวมถึงบ้านเรือนที่เสียหายก็ได้รับการช่วยเหลือซ่อมแซมตามลำดับ สำหรับการดูแลด้านจิตใจ กระทรวงสาธารณสุขต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ส่วนการเยียวยานอกเหนือจากนั้น ได้สั่งการให้คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการต่อไป
5. เรื่องสงครามข่าวสาร ซึ่งมีการสร้างข่าวเท็จ และสร้างสถานการณ์ ตลอดจนมีข่าวปลอม หรือ Fake news ถึงแม้ประเทศไทยจะมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารและแสดงความเห็น แต่ขณะนี้เราต้องการความสามัคคีภายในประเทศ จึงขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ด้านการสื่อสารมวลชนทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกับ ศบ.ทก. ตรวจสอบขจัด Fake news ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ และไม่เป็นผู้ขยายผลเสียเอง โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือตรวจสอบผ่านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center: AFNC)
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ข้อสั่งการ เรื่องการติดตามการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ ดังนี้ จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีการเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ว่า กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ได้ผ่อนปรนให้ประชาชนผู้ได้รับทะเบียนบ้านชั่วคราว ซึ่งออกให้กับที่อยู่อาศัยที่ปลูกสร้างขึ้นในที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดิน สามารถขอใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาได้ในอัตราค่าบริการที่เหมาะสมนั้น โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เร่งรัดขั้นตอนในการพิสูจน์สิทธิ เพื่อแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว ตลอดจนกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงมหาดไทย สภาพัฒน์ฯ ได้มีความเห็นสนับสนุนการดำเนินการ ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า การดำเนินการดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ล่วงเลยจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ จึงขอสั่งการดังนี้
1. ให้ สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 มกราคม 2567 ตลอดจนนำความเห็นประกอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เสนอต่อ สคทช. เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 เพื่อดำเนินการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
2. ให้สำนักงานคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีการประชุมเพื่อติดตาม และรวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ทำให้เกิดความล่าช้า ตลอดจนกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ เพื่อนำมาเสนอต่อที่ประชุมครม.ในครั้งต่อไป
สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา7จว.เหตุการณ์ปกติ'ไม่มีรื้อลวดหนาม'
เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด เหตุการณ์ปกติ กองทัพไทยยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่ และวางรั้วลวดหนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา
“ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในการรักษาข้อตกลงหยุดยิง หลังเที่ยงคืน 28 กรกฎาคม คือ “อยู่ตรงไหน ให้อยู่ตรงนั้น” และเดินหน้าแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยปกป้องอธิปไตยของไทย และจะไม่ยอมให้มีการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดน
สำหรับ การล้อมรั้วลวดหนาม จะไม่มีการรื้อถอนอย่างเด็ดขาด และยืนยันจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอธิปไตยในเขตแดนของประเทศไทย และดูแลความปลอดภัยของคนไทยในพื้นที่